โบรกฯเชียร์"ซื้อ" BEAUTY มองแนวโน้มกำไรสดใสปี 60-61 จากยอดขายสาขาเดิมแข็งแกร่ง,แผนบุกตลาดตปท.หนุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 16, 2017 13:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ แนะ"ซื้อ"หุ้นบมจ.บิวตี้ คอมมูนิตี้ (BEAUTY) จากแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 60-61 ที่ยังสดใส จากการที่ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับความสวยงามยังคงได้รับความนิยมจากตลาด ทำให้ยอดขายในประเทศยังขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งเป็นตัวเลขสองหลัก แม้กำลังซื้อภายในประเทศจะเติบโตได้ไม่มากนัก อีกทั้งการรุกขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้น จะเป็นปัจจัยช่วยขับเคลื่อนผลกำไรให้ดีขึ้นเร็วกว่าคาดการณ์ รวมถึงการรุกช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลาย จะทำให้ประสบความสำเร็จสู่การเติบโตแบบยั่งยืนได้

ทั้งนี้ ราคาหุ้น BEAUTY ได้ปรับตัวลดลงก่อนหน้านี้ สะท้อนผลกำไรไตรมาส 4/59 อ่อนแอกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไปแล้ว ขณะที่ SSSG น่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 4/59 และจะค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้นในไตรมาส 1/60 อีกทั้งแนวโน้มการใช้จ่ายที่ดีขึ้นจากภาคเกษตรและความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงความแข็งแกร่งของสถานะทางการเงินของ BEAUTY ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนต่อผลการดำเนินงานและราคาหุ้นของ BEAUTY ในอนาคต

ราคาหุ้น BEAUTY พักเที่ยงอยู่ที่ 11.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท (+3.7%) ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยบวก 0.91%

          โบรกเกอร์                     คำแนะนำ                ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          ดีบีเอส วิคเคอร์สฯ                 ซื้อ                       14.00
          ทิสโก้                           ซื้อ                       13.60
          เออีซี                           ซื้อ                       13.20
          กสิกรไทย                        ซื้อ                       12.20
          นางสาวศศิกร เจริญสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ธุรกิจของ BEAUTY มีการเติบโตที่ดีจากแผนการขยายสาขาไปยังต่างประเทศมากขึ้น หลังการเปิดสาขาในกัมพูชา ได้รับการตอบรับที่ดีมาก น่าจะเป็นปัจจัยที่ช่วยผลักดันให้กำไรเติบโตได้มากกว่าที่คาด นอกเหนือจากตลาดในประเทศที่ยังเติบโตได้ดี โดยเฉพาะในส่วนยอดขายสาขาเดิมที่เติบโตในระดับกว่า 10% มากกว่ายอดขายสาขาเดิมของธุรกิจในกลุ่มค้าปลีกอื่นที่เติบโตได้ในระดับ 4-5% ตามกำลังซื้อในประเทศที่ไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก ทั้งนี้ อาจจะสืบเนื่องจากผลิตภัณฑ์ของ BEAUTY อยู่ในกลุ่มความงาม ทำให้ได้รับความนิยมจากตลาดมากกว่า
          นอกจากนี้ BEAUTY ยังได้รับประโยชน์จากกำลังซื้อของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะจีนที่เข้ามาในเมืองไทยได้เข้ามาซื้อสินค้าของ BEAUTY ค่อนข้างมาก โดยการที่ BEAUTY มีแบรนด์สินค้าเป็นของตัวเอง และยังจับกลุ่มลูกค้าทุกระดับตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงระดับผู้เชี่ยวชาญด้านการแต่งหน้านั้น ก็จะช่วยหนุนผลการดำเนินงานในปีนี้ให้เติบโตด้วย
          "การขยายไปตลาดต่างประเทศจะเป็นตัว drive earning ได้เร็วกว่าที่คาด และตลาดในประเทศก็ยังเติบโตได้ในระดับที่ดี ช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดีก็กลัวว่าการขายจะไม่ดี แต่ปรากฎว่า BEAUTY สามารถทำการขายได้ดี อาจจะเป็นเพราะผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับความสวยงามยังได้รับความนิยม"นางสาวศศิกร กล่าว
          ด้านบทวิเคราะห์บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุว่า BEAUTY มีพัฒนาการการเติบโตแบบยั่งยืนด้วยการรุกเข้าสู่ตลาดโมเดิรน์เทรดในหลายกิจการ เช่น BIGC, MAX Value, Villa Market, Gourmet และ Central Food Hall เป็นต้น รวมทั้งร้านสะดวกซื้อ คือ 7-Eleven และในอนาคตจะยิ่งเพิ่มประเภทสินค้าเข้าสู่การจำหน่ายในช่องทางเหล่านี้ นอกจากนี้ได้เริ่มต้นสู่ช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ คือ ร้านคิงเพาเวอร์ ซึ่งเป็นร้านค้าประเภทปลอดภาษี ที่ศรีวารี พัทยา, ดอนเมือง และสุวรรณภูมิ
          โดยตลาดในประเทศยังเติบโตได้ดี ซึ่งนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน อัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมเป็นตัวเลขสองหลัก นับว่าเพิ่มขึ้นเทียบกับช่วงไตรมาส 4/59 ที่อยู่ระดับ 9.2% เพราะอยู่ในช่วงเทศกาลไว้อาลัย
          ขณะที่ขยายธุรกิจสู่ประเทศฟิลิปปินส์ด้วยวิธีการกระจายสินค้าแบบใหม่ ๆ ปีนี้ 2 แห่ง และปีหน้าอีก 2 แห่ง ส่วนสหรัฐอาหรับเอมิเรทส์ (UAE) ก็จะเริ่มเข้าสู่ตลาดนี้ประมาณ พ.ค.นี้ ปัจจุบันบริษัทมีรายได้ในสัดส่วน 7% มาจากการขายต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่ประมาณ 85% มาจากจีน ฮ่องกง ไต้หวัน อินเดีย บาห์เรน คูเวต และ โอมาน อีก 13% จาก CLMV ทั้งกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ส่วนอีก 2% จากอินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์
          ทั้งนี้ คาดว่า BEAUTY จะมีอัตราการเติบโตกำไรสดใส ปี 60 และ 61 เป็น 32% และ 28% ตามลำดับ โดยคาดว่าราคาหุ้นได้ตอบรับผลลบจากช่วงไว้อาลัยไปพอควรแล้ว แต่การที่ BEAUTY รุกช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการมีร้านของตนเอง โมเดิร์นเทรด e-commerce และต่างประเทศ ก็จะทำให้ประสบความสำเร็จสู่การเติบโตแบบยั่งยืนได้
          บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ที่ผ่านมาราคาหุ้น BEAUTY ปรับตัวลงมาสะท้อนผลประกอบการที่อ่อนตัวในไตรมาส 4/59 ไปแล้ว ขณะที่ยังมีแนวโน้มที่ดีจากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม ที่เริ่มฟื้นตัวจากการบริโภคที่เริ่มกลับมา ซึ่งจะเห็นแนวโน้มการใช้จ่ายที่ดีขึ้นในช่วงหลังไตรมาส 1 เป็นต้นไป หลังรายได้ภาคเกษตรและความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง , การเติบโตของยอดขายในแต่ละช่องทางการจัดจำหน่าย ทั้งสาขาในประเทศ consumer product และช่องทางในต่างประเทศ ตามการเพิ่มสาขาและพาร์ทเนอร์ ,การสร้างการรับรู้ในแบรนด์ที่มากขึ้นหลังจากเริ่มประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทาง out of home และความแข็งแกร่งในความสามารถในการทำกำไร รักษาระดับอยู่ในระดับสูงกว่าอุตสาหกรรม และการไม่มีภาระหนี้สิน
          ปัจจุบัน BEAUTY มีรายได้จากต่างประเทศเป็นสัดส่วน 6.96% เพิ่มขึ้นจาก 2% ในปี 58 และมีการเติบโตในระดับสูงถึง 250% เมื่อเทียบปีต่อปี ซึ่งเป็นผลมาจากจำนวนสาขารวมที่เพิ่มขึ้นเป็น 210 สาขา จาก 32 สาขาในปี 58 ขณะที่แนวโน้มยอดขายต่างประเทศในปีนี้น่าจะเห็นการเติบโตได้ดี และน่าจะมีออเดอร์จากพาร์ทเนอร์เพิ่มขึ้นจากไต้หวันและฮ่องกง จากการเริ่มทำโปรโมชั่นและส่งเสริมการขายอย่างเต็มตัวซึ่งจะเป็นการรู้การจำหน่ายเต็มปีในปีนี้
          ด้านบล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ว่า อัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 4/59 และจะค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้นในไตรมาส 1/60 นี้ โดยยังคงชอบ BEAUTY จากคาดการณ์กำไรสุทธิเติบโตสูงเฉลี่ยปีละ 33% ในปี60-62 สูงกว่ากลุ่มพาณิชย์ที่ 16% ,ภาพตลาดเครื่องสำอางและผลิตภัณท์บำรุงผิวที่ยังเติบโตดีต่อเนื่อง และระดับ Valuation ที่น่าสนใจ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ