UPA คาด บ.ลูกหนุนรายได้ปีนี้โต,โรงไฟฟ้าขยะร่วมทุนคาด PPA ชัดเจนมิ.ย.,เซ็นโรงไฟฟ้าก๊าซ 200MW พ.ค.นี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 21, 2017 15:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมพรต สาระโกเศส ประธานเจ้าหน้าที่ปฎิบัติการ และกรรมการ บมจ.ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย (UPA) กล่าวว่า บริษัทคาดว่ารายได้ปีนี้จะดีกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 210.78 ล้านบาท เป็นไปตามการเติบโตของบริษัทย่อย คือ บริษัท อินฟอร์เมติกซ์ พลัส จำกัด ที่มีการออกผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่หลากหลาย เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีอย่างมาก

ทั้งนี้ อินฟอร์เมติกซ์ พลัส ทำธุรกิจด้านไอที เป็นบริษัทผู้พัฒนา mobile communication platform ระบบสื่อสารสำหรับองค์กร ซึ่งปัจจุบันมีบริษัทเอกชนในไทยที่ได้รับงานประมูลในกลุ่ม CLMV สนใจนำผลิตภัณฑ์ของบริษัทเข้าไปจำหน่าย และบริษัทเองก็อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะขยายธุรกิจเข้าไปในกลุ่มประเทศดังกล่าวด้วยเช่นกัน

ขณะเดียวกันเพื่อตอกย้ำการเติบโตอย่างต่อเนื่องของบริษัทย่อย UPA ก็มีแผนนำบริษัทดังกล่าวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในอนาคตด้วย

ด้านนายสุวัฒน์ อินมุตโต กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินฟอร์เมติกซ์ พลัส จำกัด กล่าวว่า ล่าสุดบริษัทได้พัฒนาเทคโนโลยีการระบุตัวตนด้วยข้อมูลชีวภาพ (Biometric) ประกอบด้วย ภาพใบหน้า (Face Recognition System) ,ภาพม่านตา (Iris Recognition System) และลายนิ้วมือ (Fingerprint Recognition System) อีกทั้งยังประยุกต์ใช้ตรวจจับคนขับรถหลับในได้ทันทีที่หลับตา เป็นการป้องการอุบัติเหตุที่สมบูรณ์ที่สุด

และยังพัฒนาผลิตภัณฑ์ Anubis Cyber security สำหรับการรักษาความปลอดภัย Cyber ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยและใช้งานได้จริง สำหรับมาตรการการป้องกันการโจมตีทาง Cyber ของหน่วยงานภาครัฐและองค์กรเอกชนและยังมีระบบอ่านป้ายทะเบียนรถยนต์ออนไลน์ โดยบริษัทฯได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ดำเนินกิจกรรมทางการตลาดและจัดจำหน่ายในประเทศไทย

"บริษัทฯคาดว่าผลิตภัณฑ์ Biometric, Anubis Cyber security และ LPR ที่พัฒนาโดยฝีมือคนไทยและเป็นบริษัทของคนที่พัฒนาซอฟแวร์ด้าน Biometric,LPR Cyber Security 100% ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับหน่วยงานราชการ ความมั่นคงปลอดภัยจะได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เพราะสามารถตอบโจทย์การใช้งานและตรงกับความต้องการของลูกค้า" นายสุวัฒน์ กล่าว

นายสุวัฒน์ กล่าวว่า บริษัทฯตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 60 จะอยู่ที่ 365 ล้านบาท ซึ่งเชื่อมั่นว่การนำผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ จะเป็นหัวใจสำคัญของการผลักดันรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมาย และน่าจะส่งผลบวกต่อ UPA อีกด้วย

ขณะที่นายสมพรต กล่าวอีกว่า สำหรับการดำเนินงานของ UPA ในปีนี้ บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมเซ็นสัญญา (MOU) กับบริษัท มารูเบนิ (Marubeni) จากญี่ปุ่น และบริษัท Jera Power (Thailand) จำกัด รวมถึงบริษัทจดทะเบียนไทยอีก 1 ราย ในเดือน พ.ค.นี้ เพื่อร่วมลงทุนในโครงการผลิตไฟฟ้าโดยใช้ก๊าซธรรมชาติ (Combine Cycle Power Plant) ขนาด 200 เมกะวัตต์ (MUPA1) ณ เมืองกันบก ทวาย ในเมียนมา มูลค่าลงทุนรวม 10,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯจะลงทุนในสัดส่วน 25% หรือ 2,500 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในปี 65

ส่วนการเซ็นสัญญาร่วมทุนกับบริษัท ซินโนว่า แอดวานซ์ พาวเวอร์ เซอร์วิสเซส จำกัด (SPS) และ บมจ.เอื้อวิทยา (UWC) ในการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าขยะ 2 แห่ง ที่จ.พระนครศรีอยุธยา และ จ.สระบุรี กำลังการผลิตโรงละ 9 เมกะวัตต์ มูลค่าลงทุนรวม 2,000 ล้านบาทนั้น บริษัทจะใช้เงินลงทุนตามสัดส่วนถือหุ้นราว 40% และ 30% ตามลำดับ

โครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างรอการพิจารณาร่างกฎหมายลูกเกี่ยวกับแนวทางการร่วมทุน ตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาด คาดว่าจะเห็นความชัดเจนของการประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ หรือการยื่นขอใบอนุญาตขายไฟฟ้า (PPA) ได้ในเดือน มิ.ย.นี้ ซึ่งหลังจากได้รับ PPA แล้ว บริษัทจะทยอยลงทุน และคาดว่าจะสามารถ COD ได้ในปี 62

นายสมพรต กล่าวอีกว่า บริษัทยังคงมองโอกาสการลงทุนในพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือกอย่างต่อเนื่อง เพราะบริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และมีหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ในระดับต่ำ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ