SELIC ตั้งงบลงทุนปีนี้ 40-80 ลบ.ใช้ซื้อเครื่องจักร-R&D ย้ำเป้ารายได้โตไม่ต่ำกว่า 10%

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 28, 2017 17:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเอก สุวัฒนพิมพ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีลิค คอร์พ (SELIC) เปิดเผยว่า บริษัทฯเตรียมงบลงทุนไว้ 40-80 ล้านบาท เพื่อใช้ซื้อเครื่องจักรใหม่ทดแทนเครื่องจักรเดิม 20-40 ล้านบาท และใช้เป็นงบลงทุนในการวิจัยและพัฒนา (R&D) ได้แก่ การซื้อเครื่องมือใหม่เพื่อให้การวิเคราะห์ข้อมูลเป็นไปด้วยความแม่นยำมากขึ้น

บริษัทคาดแนวโน้มรายได้ปีนี้จะเติบโตจากปีก่อนไม่ต่ำกว่า 10% โดยส่วนใหญ่เป็นการการเติบโตในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากบริษัทคาดว่าจะสามารถติดตั้งเครื่องจักรใหม่ในช่วงปลายไตรมาส 2/60 และเริ่มผลิตสินค้าชนิดใหม่ๆ ในช่วงปลายไตรมาส 3/60 ซึ่งเครื่องจักรใหม่ที่สั่งเข้ามาจะช่วยให้บริษัทฯสามารถผลิตสินค้าใหม่ได้ และในส่วนของสินค้าเก่าก็สามารถผลิตได้รวดเร็วยิ่งขึ้นด้วย

สำหรับแผนธุรกิจในปีนี้บริษัทจะผลักดันยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์กาว Hot Melt ให้เพิ่มขึ้น เพราะสินค้ามีความโดดเด่น และสามารถแข่งกับสินค้าที่มาจากต่างประเทศได้ และจะเน้นไปที่ตลาด CLMV โดยมองว่าปีนี้ยังมีโอกาสการเติบโตในประเทศกลุ่มนี้ค่อนข้างสูง และในครึ่งปีหลัง จะมีสินค้าที่เริ่มผลิตเข้ามา หลังจากที่มีการรุกทำตลาดตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว น่าจะส่งผลให้บริษัทสามารถที่จะขยายยอดขายเป็นไปตามเป้าที่บริษัทวางไว้ที่คาด

ขณะที่เป้าหมายระยะสั้นมองการเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลักในทุกๆ ปี ส่วนระยะกลางและยาว มองไปถึงโอกาสที่จะหาพันธมิตรเข้ามาลงทุน หรือการพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกันในระยะยาว โดยเป็นสิ่งที่จะส่งผลให้บริษัทเจริญเติบโตได้อย่างยั่งยืน

"บริษัทยังคงเน้นการทำวิจัย R&D โดยจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมาสู่ตลาดทำให้บริษัทสามารถขยายอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น โดยจากเดิมที่บริษัทมีสินค้าหลักๆ ในอุตสาหกรรมรองเท้า อุตสาหกรรมเครื่องดื่ม รวมถึงยังมีการส่งออกไปใน AEC และให้หลายๆ ประเทศทั่วโลก"นายเอก กล่าว

นายเอก กล่าวอีกว่า ทิศทางการเติบโตของอุตสาหกรรมปีนี้เติบโตดี มองว่าอุตสาหกรรมในประเทศไทยน่าจะมีการฟื้นตัว เพราะภาพรวมเศรษฐกิจเริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้น ประกอบกับ ภาครัฐมีนโยบายสนับสนุนการลงทุน อาทิ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และการลงทุนอื่นๆ น่าจะเป็นส่วนช่วยให้สามารถดึงเม็ดเงินจากประเทศให้เข้ามาในประเทศเพิ่มขึ้น

นอกจากนั้น การรวมกลุ่ม AEC ทำให้การเติบโตในภูมิภาคมีความแข็งแกร่ง โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) โดยปัจจุบันจะสังเกตได้ว่ากลุ่ม CLMV มีมูลค่าการค้าระหว่างกันเพิ่มขึ้น รวมถึงมีการพัฒนามากยิ่งขึ้น ประกอบกับ ยังมีการสร้างโรงงาน และยังขยายการผลิตเพิ่มเติม ทำให้มองว่าน่าจะเป็นแนวโน้มที่ดีในปีนี้

"ปีนี้แนวโน้มผลประกอบการของเราจะกลับมาเติบโตได้ดี เนื่องจากเราตัดการขายสินค้ามาร์จิ้นต่ำไปเกือบหมดไปแล้ว ในขณะเดียวกันเราได้เตรียมที่จะผลิตสินค้าประเภทใหม่เพิ่มเติมด้วย ซึ่งสินค้ากลุ่มใหม่จะเข้าไปบุกในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ และเฟอร์นิเจอร์มากขึ้น เพื่อที่จะเข้ามาสันสนุนการเติบโตของผลประกอบการบริษัทฯ"นายเอก กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ