น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก (GBS) ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจากนักลงทุนต่างชาติ (Foreign) ยังคงซื้อสุทธิ (Net Buy) ต่อเนื่อง 7 วันทำการ ราว 7.4 พันล้านบาท รวมถึงเงินบาทแข็งค่าขึ้นล่าสุด 34.40 บาท/ดอลลาร์ รวมถึงการทำ Window Dressing ช่วงปิดงวดไตรมาส 1/60 ช่วงปลายเดือน มี.ค. และคาดการณ์แนวโน้มที่ประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.5% ตามเดิม
ส่วนปัจจัยกดดันมาจากความไม่มั่นใจว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐจะสามารถดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอื่น ๆ ได้ เช่น การปฏิรูปโครงสร้างภาษี โครงการสาธารณูปโภค 1 ล้านล้านดอลลาร์ หลังจากสภาผู้แทนฯสหรัฐยกเลิกการลงมติร่างกฎหมาย “อเมริกันเฮลธ์แคร์" ประกอบกับความกังวลต่อเสถียรภาพของสหภาพยุโรป (EU) ขณะที่ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปเตือนว่าสหภาพยุโรป (EU) อาจถึงคราวล่มสลายหากประเทศสมาชิกรายอื่นๆ ถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปตามสหราชอาณาจักร
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่ วันที่ 29 มี.ค. กำหนดประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย และในวันเดียวกันรัฐบาลอังกฤษเตรียมประกาศใช้มาตรา 50 เพื่อเริ่มกระบวนการออกจากสมาชิกภาพ EU (BREXIT) ในวันที่ 30 มี.ค. สหรัฐเปิดเผยตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ไตรมาส 4/59 (ประมาณการครั้งสุดท้าย) และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และในวันที่ 31 มี.ค.ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยในเดือน ก.พ.
ด้านนายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ GBX กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ถูกแรงกดดันจากความไม่แน่นอนของการผลักดันนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด้านอื่นๆ ของประธานาธิบดีทรัมป์ หลังจากสภาผู้แทนสหรัฐฯคว่ำร่างกฎหมายประกันสุขภาพ “อเมริกันเฮลธ์แคร์" อย่างไรก็ตาม แรงหนุนจากกระแส Fund Flow ต่างชาติที่ยังคงไหลเข้าต่อเนื่องตลอด 1 สัปดาห์ รวมถึงแรงซื้อดัก Window Dressing จะช่วยให้ดัชนีไม่ทรุดตัวลงแรง ดังนั้น ประเมินว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,560 – 1,590 จุด
ทั้งนี้ แนะนำซื้อเก็งกำไรแบบ Selective Buy ในกลุ่มเดินเรือ แนะนำ PSL และ TTA อานิสงส์ค่าดัชนีระวางเรือที่พุ่งขึ้นทำ High ในรอบ 2 ปี และกลุ่มผู้ส่งออกไก่ แนะนำ CPF, GFPT และ TFG อานิสงส์จากเกาหลีใต้เตรียมยกเว้นภาษีนำเข้าไก่จากประเทศไทย
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ นักวิเคราะห์การลงทุน GBS เปิดเผยว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาประเด็นสำคัญอยู่ที่ความผิดพลาดของการแสวงหาความร่วมมือระหว่างรัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์กับกลุ่มการเมืองในพรรครีพับลิกันที่กำลังกุมเสียงข้างมากทั้ง 2 สภา ส่งผลให้ร่างกฎหมายอเมริกันเฮลธ์แคร์ที่ทรัมป์ใช้เป็นนโยบายหลักในการหาเสียงถูกปัดตกไปด้วยคะแนนเสียงที่ไม่เพียงพอ ซึ่งนับเป็นหนที่ 2 ต่อจากการยกเลิกคำสั่งห้ามมุสลิมเข้าสหรัฐฯ ที่ทำให้เกิดกระแสต่อต้านจากกลุ่มคนทำงานที่มีส่วนในการพิจารณากำหนดนโยบาย
การที่นักลงทุนลดความเชื่อมั่นต่อการถือสินทรัพย์สกุลดอลลาร์ ส่งผลให้เงินทุนไหลกลับเข้าสู่ตลาดกลุ่มประเทศเกิดใหม่อีกครั้งรวมไปถึงตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ด้วย ซึ่งราคาทองคำปรับบวกตามการอ่อนค่าลงของดอลลาร์สหรัฐฯ และการซื้อสะสมเพิ่มอย่างต่อเนื่องของรัสเซียและจีน ส่วนการทำประชามติรอบใหม่เพื่อแยกตัวจากสหราชอาณาจักรของสก๊อตแลนด์อาจเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาทองคำได้ในอนาคตหากเกิดขึ้นจริง เพราะจะมีผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจของอังกฤษมากกว่าการออกจาก EU
ดังนั้น คาดการณ์แนวโน้มราคาทองคำมีโอกาสจะปรับขึ้นทะลุผ่านจุดสูงสุดของรอบก่อนหน้าที่ 1,263 ดอลลาร์ โดยมี bearish divergence และแนวต้านระยะสั้นที่รออยู่ โดยมีบริเวณ 1,245 ดอลลาร์ เป็นแนวหนุนเมื่อราคาอ่อนตัวลงมา แต่ถ้าเกิด bull trap แล้วยืนบริเวณ 1,245 ดอลลาร์ไม่ได้ ให้ใช้กลยุทธ์เล่นรอบในกรอบ sideway