(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ย่อตัวลงกรอบจำกัด เหตุกังวลความตึงเครียดทางการเมืองในตปท.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday April 17, 2017 09:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะย่อตัวลงแต่ไม่มาก โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่จะปรับตัวลง เนื่องจากมีความกังวลจากความตึงเครียดทางการเมืองในต่างประเทศ หลังจากที่ทางสหรัฐฯถล่ม IS ในอัฟกานิสถาน ทำให้นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับภาวะสงครามมากขึ้น

นอกจากนี้ ตลาดบ้านเราวันนี้จะมีการขึ้นเครื่องหมาย XD เพื่อจ่ายปันผลด้วย ซึ่งจะทำให้ดัชนีฯปรับตัวลงราว 0.7 จุด อย่างไรก็ดี ตลาดฯยังมีข้อดีจากที่เงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่า ทำให้ Fund Flow ยังคงไหลเข้ามาอยู่ และ Emerging Martket ก็ยังได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นด้วย โดยเฉพาะตลาดในกลุ่ม TIP

พร้อมให้แนวรับ 1,585-1,586 จุด ส่วนแนวต้าน 1,595-1,600 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (13 เม.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,453.25 จุด ลดลง 138.61 จุด (-0.67%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,805.15 จุด ลดลง 31.01 จุด (-0.53%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,328.95 จุด ลดลง 15.98 จุด (-0.68%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 95.79 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 16.12 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 7.88 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 5.99 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 10.05 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 0.14 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ ลดลง 14.20 จุด, ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 8.07 จุด

ส่วนตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวัน Easter Monday

  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (12 เม.ย.60) 1,589.50 จุด เพิ่มขึ้น 6.72 จุด (+0.42%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,031.21 ล้านบาท เมื่อวันที่ 12 เม.ย.60
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (13 เม.ย.60) ปิดที่ 53.18 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 7 เซนต์ หรือ 0.1%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (14 เม.ย..60) ที่ 6.85 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 34.35 แข็งค่าเล็กน้อยจากสัปดาห์ก่อนทิศทางเดียวกับภูมิภาค
  • เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า ข้อมูลเศรษฐกิจในเดือน ม.ค.และ ก.พ.นี้ สะท้อนให้เห็นแนวโน้มเศรษฐกิจไตรมาสแรกจะเติบโตสูงกว่าไตรมาสสุดท้ายของปี 2559 ที่เติบโตได้ 3% โดยการส่งออกในรูปเงินเหรียญสหรัฐขยายตัวได้ 4.3% สูงกว่าการคาดการณ์ของหลายหน่วยงานที่คาดว่าการส่งออกของไทยในปีนี้ จะขยายตัวได้ประมาณ 2-3%
  • นายกสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เผยขณะนี้ต่างชาติปรับพอร์ตขายทำกำไรในตลาดหุ้นสหรัฐที่ดัชนีปรับขึ้นเร็วและแรง โดยโยกเงินมาพักในตลาดหุ้นประเทศเกิดใหม่รวมถึงไทยด้วย ทำให้ในช่วงไตรมาส 2 จะมีเงินไหลเข้าตลาดหุ้นไทยมากขึ้น
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย รายงานมูลค่าการใช้บัตรพลาสติกเพื่อการชำระเงินของธนาคารพาณิชย์ ซึ่งครอบคลุมรายการชำระเงินค่าสินค้า และบริการถอนเงินสดผ่านตู้เอทีเอ็ม ฝากเงิน และโอนเงิน แต่ไม่รวมสถาบันการเงินเฉพาะกิจหรือแบงก์รัฐ ในเดือน ก.พ.2560 ที่ผ่านมา พบว่าการชำระเงินผ่านบัตรทั้งระบบลดลง 1.02 แสนล้านบาท หรือ 8.4% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ซึ่งลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ของปีนี้ หลังการใช้จ่ายผ่านบัตรพลาสติกในเดือน ม.ค. ก็ลดลงจากเดือนก่อนหน้าเช่นกัน
  • รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจ ด้านรายจ่ายและหนี้สิน ได้ทำหนังสือถึงหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจทุกแห่ง เรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณเหลื่อมปี 2552-2559 ซึ่งได้มีการขยายเวลาให้เบิกจ่ายได้ถึงวันทำการสุดท้ายของเดือน มี.ค. 2560 ที่ผ่านมา แต่ยังมีหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจจำนวนมากเบิกจ่ายไม่ทัน และรัฐบาลได้ขยายเวลาโดยให้ทำคำขอขยายเวลาการเบิกจ่ายของโครงการที่เห็นว่ามีความจำเป็นต้องดำเนินการต่อ
  • คมนาคมหารือร่วมกับผู้ประกอบการผลิตรถยนต์ในประเทศ เคาะราคากลางไมโครบัสเฉลี่ยคันละ 1.7-2.2 ล้านบาท ด้านค่ายรถยืนยันพร้อมผลิตให้ได้ภายในปีนี้ เตรียมชงข้อสรุปโครงการให้รมช.พิชิต พิจารณาพ.ค.นี้

*หุ้นเด่นวันนี้

  • AOT (ธนชาต) จัด roadshow สิงคโปร์ นักลงทุนให้ความสนใจ โดยผู้โดยสารฟื้นตัวแข็งแกร่งจากปลายที่แล้ว บริษัทฯคาดผู้โดยสารจะเติบโต 7-8% ในปี 2560 เทียบกับ 7.1% ในช่วง 5M60 ขณะที่แผนลงทุน 1.94 แสนล้านบาท ใน 10 ปีข้างหน้า จะทำให้ 6 สนามบินที่มีอยู่รองรับคนเพิ่มจาก 101 ล้านคน เป็น 185 ล้านคน และมองผลกระทบค่าเช่าที่ถูกปรับเพิ่มขึ้นจะอยู่ที่ 500 ล้านบาท (เรามองที่ 1,000 ล้านบาท) จากกำไร 2561 ที่ 2.5 หมื่นล้านบาท
  • BANPU (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 24 บาท ราคาถ่านหินตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันฟื้นตัวอย่างมีเสถียรภาพ ต่ำกว่า 80 เหรียญสหรัฐ/ตันเพียงสัปดาห์เดียว แต่เฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 84 เหรียญสหรัฐ/ตัน นับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน +63% Y-Y และสูงกว่าราคาเฉลี่ยปีที่แล้วทั้งปีที่ 65 เหรียญสหรัฐ/ตัน ทิศทางราคาถ่านหินในปีนี้น่าจะอยู่ที่ 70-80 เหรียญสหรัฐ/ตัน ซึ่งเป็นระดับที่รัฐบาลจีนมองว่าเหมาะสม (จีนเป็นทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภครายใหญ่สุด) สำหรับพายุเด็บบี้เป็นผลกระทบชั่วคราว จึงคาดกำไรปีนี้ turnaround +226% Y-Y จากราคาถ่านหิน และในระยะยาวจะโตตามโรงไฟฟ้าที่มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น
  • PSH (เคทีบี) "ซื้อ"เป้า 27 บาท คาดยอด Presales งวด 1Q60 ดีขึ้นทั้ง QoQ และ YoY จากโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ช่วยหนุน โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียมระดับบนที่ทำยอด Presales ได้ดี แต่คาดกำไรสุทธิ 1Q60 ไม่เด่น มีแนวโน้มปรับตัวลดลงทั้ง QoQ และ YoY ตามทิศทางรายได้ที่คาดปรับลง โดย 1Q60 คาดจะยังไม่มีโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ที่เริ่มโอน และรายได้ลดลง YoY ยังเป็นผลจาก 1Q59 อยู่ในช่วงใกล้สิ้นสุดมาตรการกระตุ้นอสังหาฯของภาครัฐ ทั้งนี้คาดกำไรสุทธิปี 2560 จะกลับมาเติบโตได้ โดยจัดเป็นหุ้นปันผลเด่นราว 6% ต่อปี โดยคาด PSH จะประกาศจ่ายเงินปันผลงวดที่เหลือของปี 2559 ภายในปลายเดือน เม.ย.นี้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ