บลจ.กสิกรไทย ปรับแผนลงทุนเลือกขายทำกำไรหุ้นขนาดกลาง-เล็ก, คัดหุ้นแบงก์-อาหาร-อสังหาฯเข้าพอร์ต

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday April 18, 2017 10:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต รองกรรมการผู้จัดการและประธานบริหารการลงทุนตราสารทุน บลจ.กสิกรไทย กล่าวว่า บลจ.กสิกรไทยปรับนโยบายการลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กสำหรับในปีนี้ หลังจากที่ในปีที่ผ่านมาหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กปรับตัวสูงขึ้นจนทำให้ Valuation หรือระดับราคาของหุ้นขนาดกลางและเล็กบางตัวปรับตัวขึ้นมาอยู่ในระดับที่ค่อนข้างแพง โดยกลยุทธ์การลงทุนในปีนี้จะมีการขายทำกำไรบางส่วนในหุ้นที่ราคาปรับตัวขึ้นสูง และคัดเลือกหุ้นตัวอื่น ๆ ที่ยังมีระดับราคาที่น่าสนใจหรือไม่แพงจนเกินไปเข้ามาอยู่ในพอร์ต

ทั้งนี้ กองทุนยังคงเน้นหุ้นที่มีอัตราการเติบโตของผลกำไรในระดับสูง โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ให้น้ำหนักการลงทุนในปีนี้ อาทิ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดกลาง กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

"เรายังมีมุมมองในเชิงบวกต่อหุ้นขนาดกลางและเล็ก โดยมองว่าในระยะยาวหุ้นกลุ่มนี้ยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับด้วยจำนวนหุ้นขนาดกลางและเล็กที่มีอยู่ในตลาดจำนวนมาก ทำให้ผู้จัดการกองทุนมีโอกาสในการคัดเลือกหรือแสวงหาหุ้นที่ยังมีความน่าสนใจ"นางสาวธิดาศิริ กล่าว

นางสาวธิดาศิริ กล่าวว่า ปัจจัยสนุนด้านเศรษฐกิจไทยในปีนี้มองว่ามีแนวโน้มเติบโตดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) อยู่ที่ 3.3% ซึ่งในภาคการส่งออกมีแนวโน้มการฟื้นตัวที่ดีขึ้นชัดเจน และมองการเติบโตของตัวเลขการส่งออกในปีนี้อยู่ที่ 2% ประกอบกับเศรษฐกิจไทยยังมีแรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยวและการลงทุนของภาครัฐ โดยบลจ.กสิกรไทย มองเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปลายปี อยู่ที่ 1,650 จุด

ปัจจุบัน บลจ.กสิกรไทย มีกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก จำนวน 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเค Mid Small Cap หุ้นทุน (K-MIDSMALL), กองทุนเปิดเค Mid Small Cap หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (KMSRMF) และกองทุนเปิดเค Mid Small Cap หุ้นระยะยาว (KMSLTF)

ผลการดำเนินงานของกองทุนหุ้นไทยของบลจ.กสิกรไทย ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นขนาดกลางและเล็ก ในช่วงระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมามีผลการดำเนินงานที่ค่อนข้างโดดเด่น เนื่องจากหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กมีการปรับตัวขึ้นสูง โดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังของปี 59 ประกอบกับกลยุทธ์การคัดเลือกหุ้นรายตัวที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง ส่งผลให้กองทุนในกลุ่มดังกล่าวของบริษัท มีผลตอบแทนที่สามารถเอาชนะกองทุนอื่น ๆ ที่มีนโยบายการลงทุนเดียวกันในตลาด รวมถึงยังสามารถเอาชนะกองทุนหุ้นไทยทั้งหมดในภาพรวม

ทั้งนี้ ข้อมูลจากมอร์นิ่งสตาร์ ณ วันที่ 31 มี.ค.60 กองทุน K-MIDSMALL และ KMSRMF มีผลการดำเนินงานย้อนหลังในช่วง 1 ปี ติดเป็นอันดับ 1 และอันดับ 2 ตามลำดับ สามารถเอาชนะกองทุนหุ้นขนาดกลางและเล็กอื่น ๆ รวมถึงกองทุนหุ้นไทยทั้งหมดในอุตสาหกรรม โดยกองทุน K-MIDSMALL มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 32.16% ขณะที่กองทุน KMSRMF มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 31.94% ซึ่งทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวสามารถเอาชนะเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ 12.85%

ส่วนกองทุน KMSLTF ซึ่งเป็นกองทุนที่เพิ่งจัดตั้งเมื่อเดือน พ.ย.59 ที่ผ่านมา เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนระยะยาวในหุ้นขนาดกลางและเล็ก พร้อมทั้งต้องการได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี กองทุนมีผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน อยู่ที่ 2.87% ขณะที่เกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 2.96% ส่วนผลตอบแทนย้อนหลังนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน อยู่ที่ 6.29% ขณะที่เกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 7.03% (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มี.ค.60)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ