หุ้น SCB ราคาไหลลง 2.81% มาอยู่ที่ 155.50 บาท ลดลง 4.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 222.37 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.14 น. โดยเปิดตลาดที่ 156.50 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 156.50 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 155 บาท
วันนี้ (24 เม.ย.) SCB ขึ้นเครื่องไมาย XD เพื่อจ่ายเงินปันผล 4 บาท/หุ้น
บล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะ"ซื้อ"หุ้น ธนาคารไทยพาณิชยบ์ (SCB) กำไรในไตรมาส 1/60 ออกมา -6% Q-Q, +13% Y-Y น่าผิดหวังจากการปรับฐานเงินเดือนพนักงานและค่าใช้จ่ายปรับปรุงระบบ IT ทำให้ปรับกำไรปีนี้ลง 3% เป็น 4.78 หมื่นล้านบาท +0.4% Y-Y ปรับราคาพื้นฐานลงเป็น 182 บาท
ด้านบล.ไอร่า ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ถือ"หุ้น SCB จากประเด็นของการขาย SCBLIF มองว่าราคาได้ขึ้นมาตอบรับข่าวไปแล้ว ในขณะที่ราคาพื้นฐานหากไม่รวมประเด็นดังกล่าวใกล้เต็มมูลค่าแล้ว โดยให้ราคาพื้นฐาน 163 บาท/หุ้น
SCB เปิดให้ผู้สนใจเข้ามาประมูลซื้อหุ้น SCBLIF ในสัดส่วน 49% โดยคาดว่าราคาขายน่าจะไม่ต่ำกว่าราคาที่ทำ Tender Offer เพื่อที่จะออกจากตลาดที่ 1,170 บาท โดยต้นทุนของ SCB ใน SCBLIF อยู่ที่ประมาณ 190.50 บาทต่อหุ้น หาก SCB ขายได้ที่ราคาดังกล่าวจะมีการบันทึกกำไรพิเศษราว 25,536 ล้าน(หลังหักภาษีแล้ว) หรือคิดเป็น EPS ที่บวกเพิ่มเข้ามาประมาณ 7.52 บาทต่อหุ้น โดยไม่รวมเข้าไปในประมาณการกำไรของเรา นอกจากนี้ยังสามารถลุ้นการจ่ายปันผลพิเศษได้อีกด้วย
ทั้งนี้ 1Q60 SCB กำไรลดลง 6.32%QoQ แต่เพิ่มขึ้น 12.95%YoY ประเด็นหลัก ๆ มาจาก (1)รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 22,561 ล้าน ลดลง 1.06%QoQ แต่เพิ่มขึ้น 4.11%YoY จากสินเชื่อที่เติบโต 6.2%YoY ซึ่งเป็นการเติบโตในกลุ่ม Corporate Loans ส่งผลให้ Yield ปรับตัวลดลง ในขณะที่ฝั่ง Cost ปรับตัวลดลงมากกว่าจากหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่หมดอายุลง (2)รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย 10,624 ล้าน เพิ่มขึ้น 8.44%QoQ และ 33.22%YoY จากธุรกิจประกันที่ทำได้ดีเกินคาด โดยทำได้ดีทั้งในส่วนของ Net premiums earned และ Underwriting expenses และธุรกิจ AUM (3)Credit Cost ที่ 106 bps เพิ่มขึ้น 63 bps จาก 4Q59 เนื่องจากช่วงต้นปี 59 มีการตั้งสำรองไว้ค่อนข้างมาก ทำให้ช่วง 4Q59 มีการตั้งสำรองต่ำกว่าปกติ และมีการตั้งสำรองพิเศษเพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้ (4)NPL Ratio 2.70% ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 4Q59 ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นใน Mortgage Loans และ SME ในขณะที่ New NPL ใน 1Q60 อยู่ที่ 0.41% ปรับลดลงจาก 4Q59 ซึ่งอยู่ที่ 0.52%