นางสาวสุกัญญา สุขเจริญไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอเชีย แคปปิตอล กรุ๊ป (ACAP) เปิดเผยถึงกรณีที่มีผู้ถือหุ้นบริษัท โอริออน ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันออก ยื่นหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลัก ทรัพย์ (ก.ล.ต.) ขอให้ตรวจสอบสัญญาเงินกู้และจำนำหุ้นระหว่าง ACAP กับโอริออนว่า บริษัทยืนยันการดำเนินการปล่อยกู้ให้กับ โอริออนฯ ถูกต้องตามกฎหมาย โดย ณ วันที่ผู้ขอกู้มาขอกู้ ทาง ACAP ได้ตรวจสอบเอกสารหลักฐานทุกอย่าง ซึ่งประกอบด้วย โฉนดที่ดิน ,แบบ บอจ.5 หรือสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น ,หนังสือรับรองจากกระทรวงพาณิชย์ และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า รวมไปถึงกรรมการผู้มีอำนาจลงนามแล้ว
ทั้งนี้ การทำสัญญาเงินกู้ดังกล่าว ทางโอริออนฯ ได้มีการนำหุ้นมาทำสัญญาจำนำตามขั้นตอนที่ถูกต้อง และ ACAP ได้มีการปล่อยกู้ในวงเงินจำนวน 300 ล้านบาท แต่จะเป็นการทยอยเบิกออกไปตามแผนการก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งกำหนดการก่อสร้างจะแล้วเสร็จในช่วงสิ้นปี 60 ขณะที่เมื่อได้มีการปล่อยกู้ ทางบริษัทได้หักดอกเบี้ยกู้ยืมที่คิดเป็น 12% ต่อปีทันที ซึ่งก็เป็นไปตามกฎหมาย
"ACAP ยืนยันว่าการดำเนินการปล่อยกู้เป็นไปตามนโยบายของบริษัทฯทุกประการ ซึ่งเราถือว่าเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เราไม่มีทางที่จะทำผิดกฎหมาย หรือผิดหลักศีลธรรม ธรรมาภิบาล และไม่ก่อความเสียหายให้กับบริษัทฯ ซึ่งเป็น 2 แนวทางหลักที่คณะกรรมการของ ACAP ยึดถือมาตลอด...เราขอยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่า เราในฐานะ ACAP เราปล่อยกู้ตามเอกสาร และการทำสัญญากู้เงิน เรามีโฉนดตัวจริง และได้มีการดำเนินการขึ้นจำนอง เรียบร้อยตามกฎหมายแล้ว"นางสาวสุกัญญา กล่าว
นอกจากนี้ เมื่อ ก.ล.ต.ได้รับเรื่องจากผู้เสียหายที่อ้างว่าเป็นผู้ถือหุ้นถูกกฎหมายของ โอริออนฯ ที่ส่งหนังสือขอให้ตรวจสอบสัญญาเงินกู้ที่มีผู้ถือหุ้นอีกฝ่ายเป็นผู้ยื่นกู้ โดยระบุว่าเป็นการยักยอกทรัพย์และปลอมแปลงเอกสาร โดยเฉพาะหุ้นที่นำไปจำนำยังอยู่ในชั้นกระบวนการพิจารณาของทางศาล ซึ่ง ก.ล.ต.ก็ได้แจ้งให้บริษัทชี้แจงต่อนักลงทุนให้รับทราบ บริษัทก็ได้ดำเนินการแจ้งข้อมูลต่าง ๆ ผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ไปแล้ว
กรณีที่ผู้เสียหายอ้างว่ามีการปลอมแปลงเอกสารหลักฐานทางราชการเพื่อนำมาขอกู้เงินนั้น นางสาวสุกัญญา กล่าวว่า ACAP ยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกกรณี ซึ่งเชื่อว่าปัญหาดังกล่าวน่าจะเกิดจากความขัดแย้งของผู้ถือหุ้นด้วยกันเองมากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม หากยังไม่หยุดกล่าวหาหรือสร้างความเสียหายให้แก่บริษัทฯ ทาง ACAP ก็จะมีการดำเนินการฟ้องผู้ที่กล่าวหาตามกฎหมายต่อไป
"ตอนนี้ถ้าเราจะฟ้องก็ฟ้องได้ แต่เราไม่ทำ แต่ถ้าไม่หยุดเราก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย" นางสาวสุกัญญา กล่าว