GBS มองหุ้นไทยสัปดาห์นี้แกว่งในกรอบ 1,540-1,580 จุด ลุ้นผลประชุมโอเปกแต่ยังกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ย

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 24, 2017 10:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก (GBS) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะยืดเวลาการลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปถึงไตรมาส 1/61 ประกอบกับตัวเลขการส่งออกของไทยที่เติบโตขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม Fund Flow ต่างชาติที่ผันผวน รวมถึงความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน มิ.ย.นี้ที่เป็นตัวถ่วงดัชนี

ดังยั้น ประเมินว่า SET Index สัปดาห์นี้จะแกว่งตัวในกรอบ 1,540-1,580 จุด แนะนำซื้อแบบ Selective Buy ในกลุ่มพลังงาน อานิสงส์ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นเหนือ 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และเก็งผลการประชุมโอเปกในวันที่ 25 พ.ค. และหุ้นได้เข้าคำนวณ MSCI Thailand Small Cap มีผลตั้งแต่ 31 พ.ค. ได้แก่ BCPG ,BIG ,FORTH ,PTL และ THANI

ด้านนางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ ของ GBS กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยได้ปัจจัยหนุนจากคาดการณ์ว่าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทยในวันนี้ มีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับเดิม รวมถึงคาดการประชุมกลุ่มโอเปกจะขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตออกไปถึงไตรมาส 1/61 และการส่งออกไทยเดือนเม.ย. 60 เพิ่มขึ้น 8.49% ส่วนการส่งออกรวม 4 เดือนแรกของปี 60 เพิ่มขึ้น 5.69% สูงสุดในรอบ 6 ปี

อย่างไรก็ตาม มองว่าตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยกดดันมาจาก Fund flow ต่างชาติผันผวน ตั้งแต่ต้นเดือนพ.ค. ที่มียอดขายสุทธิ 1 พันล้านบาท และข่าวที่ส่งผลลบเชิงจิตวิทยาต่อตลาดหุ้นภูมิภาคหลังจากมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือสกุลเงินหยวนและสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของจีนลงสู่ระดับ A1 จากระดับ AA3 โดยมูดี้ส์คาดการณ์ว่า ความแข็งแกร่งด้านการเงินของจีนอาจจะถดถอยลงในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ และปรับเปลี่ยนแนวโน้มความน่าเชื่อถือของจีนจาก "เชิงลบ" เป็น "มีเสถียรภาพ"

ส่วนปัจจัยที่น่าจับตา ได้แก่ วันที่ 24 พ.ค. จะมีการประชุมกนง. และในวันที่ 25 พ.ค. ประชุมกลุ่มโอเปกเกี่ยวกับการขยายเวลาลดกำลังการผลิต ส่วนเช้าวันที่ 25 พ.ค.คณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟด จะเปิดเผยรายงานการประชุมวันที่ 2-3 พ.ค. ตลาดคาดอาจจะส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ นักวิเคราะห์การลงทุน ของ GBS เปิดเผยว่า สหรัฐฯขายอาวุธให้ซาอุดิอาระเบีย มูลค่า 3.5 แสนล้านดอลลาร์ ถือเป็นการผูกมัดเป็นพันธมิตรระหว่างกันท่ามกลางความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นหากซาอุฯได้รับ THAAD มาประจำการ แต่ข้อตกลงดังกล่าวช่วยให้สถานการณ์ความยุ่งยากทางการเมืองในสหรัฐฯผ่อนคลายลง แม้มีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังประกาศไม่เข้าร่วมกลุ่มข้อตกลง TPP ซึ่งอาจทำให้เฟดชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปอีกระยะ ในขณะที่ทางยูโรโซน กลุ่มทรอยก้าต้องการข้อสรุปที่ชัดเจนก่อนปล่อยกู้งวดใหม่ให้แก่กรีซที่ปัญหาหนี้สาธารณะยังไม่คลี่คลายนับจากวิกฤตการเงินยุโรป

ดังนั้น สัปดาห์นี้จึงมีแนวโน้มที่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯจะเริ่มรีบาวด์ในฐานะสินทรัพย์สภาพคล่องสูงที่นักลงทุนสามารถเลือกระหว่างกลับไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้งหรือคงเงินไว้ในสินทรัพย์ปลอดภัย โดยประเมินว่าไม่ว่าการประชุมโอเปก จะได้มติตามความคาดหมายหรือไม่ ราคาพลังงานที่ถูกเก็งกำไรมาก่อนหน้าจะถูก sell on fact เนื่องจากการขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องในทวีปอเมริกาเหนือ และความคืบหน้าของการนำก๊าซธรรมชาติในรูปน้ำแข็งติดไฟจากใต้ทะเลลึกขึ้นมาเป็นเชื้อเพลิงในอนาคตอันใกล้ จะเป็นตัวกดดันราคาในระยะกลางถึงยาว ซึ่งจะกระทบต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์อื่นให้ปรับลดตามลงมาด้วย

ทั้งนี้ จึงให้กรอบคาดการณ์ระดับราคาทองคำระหว่าง 1,245-1,265 ดอลลาร์ ซึ่งหาก breakout ขึ้นไป มีโอกาสจะเป็น false break สูงมาก เว้นแต่จะมีปัจจัยเสี่ยงทางการเมืองในสหรัฐฯเพิ่มเติม แนะนำให้แบ่งขายทำกำไรสำหรับพอร์ตทุกระยะ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ