KTBST คาด SET สัปดาห์นี้รับปัจจัยบวกจากลงทุนภาครัฐแต่อาจผันผวนตามปัจจัยตปท.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday June 19, 2017 10:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บล.เคทีบี (ประเทศไทย) (KTBST) ประเมินตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ (19-23 มิ.ย.) ว่าแม้ปัจจัยบวกของตลาดจะเป็นแรงกระตุ้นการลงทุนจากภาครัฐฯ และการเข้าซื้อหุ้นที่ถูกคาดว่าผลประกอบการจะยังคงดี รวมทั้ง fund flow ของเงินลงทุนจะยังคงอยู่ในตลาดหุ้นเอเชีย แต่ตลาดจะมีความผันผวนจากการปรับชื่อหุ้นในการคำนวณ SET50-SET100-sSET ให้เห็นในช่วงต้นสัปดาห์ อีกทั้งปัจจัยในต่างประเทศ อาจมีความคลุมเครือในเรื่องของทิศทางตลาดหลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับนโยบายการเงิน จึงทำให้ยังไม่เห็นแรงซื้อหุ้นอย่างจริงจังหรือรุนแรง

ในสัปดาห์นี้ KTBST จึงประเมินดัชนีสัปดาห์นี้จะแกว่งตัวในลักษณะของ sideway กรอบการเคลื่อนไหว ให้ไว้ที่ 1,566-1,596 จุด

กลยุทธ์การลงทุนในสัปดาห์นี้ ยังคงคำแนะนำ “เลือกขายทำกำไร" หุ้นที่ขึ้นมามากและขาดแรงสนับสนุนให้ไปต่อ ตามที่ให้ไว้ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา และคงเงินสดในพอร์ตไว้ 30% การเข้าลงทุนควรเป็น Selective buy เน้นหุ้นเสี่ยงต่ำ หุ้นอิงรายได้จากการลงทุนภาครัฐฯ และหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว สำหรับหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ได้แก่ PTTGC, PYLON, CK, UV, BJC, ALT, AMANAH, SCN, CPF หุ้นแนะนำเชิงเทคนิค ได้แก่ VIH, KCE

ปัจจัยที่ควรติดตาม ได้แก่ ผลจากการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) การปรับดอกเบี้ยและการลดขนาดสินทรัพย์ จาก 4.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เริ่มต้น 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐต่อเดือน แต่ยังไม่ระบุวัน-เวลา ที่จะเริ่มทำการดังกล่าว ทาง KTBST ประเมินเบื้องต้นว่าใช้เวลาประมาณ 5 ปี ในการที่สินทรัพย์ของเฟด จะกลับมาก่อนที่จะมีการใช้ QE1-3 ในปี 51 ผลลบต่อตลาดหุ้นสัปดาห์ก่อนและสัปดาห์นี้ไม่ชัดเจนนัก หรือไม่ลบมาก เพราะตลาดมีปัจจัยอื่นๆอยู่ โดย event สำคัญของสัปดาห์ จะเป็นการหารือ Brexit ระหว่างอังกฤษและอียู (19 มิ.ย.) และการประกาศหุ้นจีนที่คำนวณดัชนี MSCI (20 มิ.ย.)

ขณะที่เงินบาทที่แข็งค่ามากกว่าปกติจากต้นปีถึงเดือน มี.ค.เงินบาทแข็งค่า 4.1% ขณะที่ Dollar Index อ่อนค่าลงเพียง 1.8% อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่ เดือน เม.ย. เป็นต้นมา ค่าเงินบาทเริ่มเกาะกลุ่มกับเงินสกุลเอเชียอื่นๆ และผันแปรไปตามดอลลาร์มากขึ้น ทำให้มองว่าความกังวลต่อเงินบาทว่าจะแข็งค่าขึ้นไปเรื่อยๆ น่าจะลดลง ตัวแปร จะไปอยู่ที่ว่าจะยังมีเงินไหลเข้าตลาดพันธบัตรอย่างต่อเนื่องหรือไม่

ส่วนทิศทางราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากภาวะ over supply ที่จะไปสมดุลในช่วงไตรมาสแรกของปี 61 จากเดิมไตรมาส 3 ปี 60 เป็นส่วนหนึ่งที่กดราคาน้ำมันดิบ WTI ให้ลงมาต่ากว่า 45 เหรียญสหรัฐ ด้วยกรอบบนของราคาน้ำมันที่อาจถูกจำกัดไว้ที่ 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จะเป็นลบต่อผู้ผลิตน้ำมัน แต่จะดีต่อผู้ผลิตปิโตรเคมี หรือผู้ใช้น้ำมันเป็นวัตถุดิบอ้างอิง

ด้านปัจจัยในประเทศ ปัจจัยบวกจากการทยอยอนุมัติ-เซ็นสัญญา-ประมูล งานโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ ฯ โดยจะส่งผลบวกด้านจิตวิทยาการลงทุน ต่อตลาดหุ้นไทย หุ้นที่เป็นบวกโดยตรง จะเป็นกลุ่มผู้รับเหมาฯ หรือผู้รับงานต่อเนื่อง รวมไปถึงเรื่อง หุ้น SET50-SET100-sSET มีการเปลี่ยนแปลงหุ้นที่ใช้ในการคำนวณหลายตัว คาดจว่าะมีผลต่อราคาหุ้นที่ผลออกมาแล้วต่างจากที่คาดการณ์กันหรือยังไม่ตอบรับต่อข่าวดังกล่าว อย่างไรก็ตามหุ้นที่ราคาปรับขึ้นมามากๆ จากการเก็งในเรื่องนี้ ก็อาจมีแรงขายทำกำไรเข้ามาเช่นกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ