นายทักษิณ ตันติไพจิตร กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไฟร์เทรดเอ็นจิเนียริ่ง (FTE) เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 19 มิ.ย.-17 ก.ค.นี้ FTE พร้อมด้วยบริษัท แอสเซทโปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ที่ปรึกษาทางการเงิน และ บล. ฟินันเซีย ไซรัส (FSS) แกนนำการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน จะร่วมกันเดินสายโรดโชว์ให้ข้อมูลแนะนำบริษัท กับนักลงทุนในจังหวัดต่างๆรวม 14 จังหวัด ประกอบด้วย ระยอง ชลบุรี นครสวรรค์ พิษณุโลกราชบุรี นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี ภูเก็ต อุบลราชธานี สุราษฏร์ธานี เชียงใหม่ สงขลา และกรุงเทพฯ
“บริษัทต้องการแนะนำธุรกิจให้เป็นที่รู้จักและสร้างความเชื่อมั่นต่อกลุ่มนักลงทุน ซึ่งจะเน้นการให้ข้อมูลทางธุรกิจที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จากแนวโน้มการลงทุนของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เป็นระบบขนาดใหญ่ มีความจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์และระบบดับเพลิงจาก FTE เป็นจำนวนมาก ทางบริษัทจึงเตรียมระดมทุน เพื่อนำมาสร้างคลังสินค้าแห่งใหม่ เปิดสำนักงานขายและบริการในประเทศ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการขยายธุรกิจ ให้มีประสิทธิภาพในการทำงานมากยิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายรักษาการเป็นผู้นำตลาดอุปกรณ์ดับเพลิงครบวงจร"นายทักษิณ กล่าว
ทั้งนี้ FTE เป็นผู้นำเข้าและจำหน่ายอุปกรณ์ดับเพลิงแบบครบวงจร ระบบดับเพลิงอัตโนมัติ และระบบสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้ การให้บริการออกแบบ จำหน่าย จัดหา รับเหมาติดตั้ง ซ่อมแซม ตรวจสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์ดับเพลิง และงานระบบที่เกี่ยวข้องกับการดับเพลิงในสถานที่ต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกอาคาร
นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร APM เปิดเผยว่า แบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ของ FTE อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยบริษัทเตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 150 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาท
ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท แบ่งเป็นจำนวนหุ้นสามัญทั้งสิ้น 600 ล้านหุ้น มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 225 ล้านบาท แบ่งเป็นจำนวนหุ้นสามัญ 450 ล้านหุ้น
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า เชื่อว่าการโรดโชว์ให้ข้อมูลทั้ง 14 จังหวัด จะมีกระแสตอบรับที่ดี เนื่องจาก FTE เป็นธุรกิจที่มีความโดดเด่น เป็นผู้นำตลาดในประเทศที่มีการให้บริการอย่างครบวงจร และที่ผ่านมาบริษัทสามารถเติบโตได้แม้ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
“มั่นใจว่านักลงทุนจะให้ความสนใจหุ้นไอพีโอ FTE เป็นจำนวนมาก จะเป็นหุ้นน้องใหม่ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดี จากผลการดำเนินที่ผ่านมามีการเติบโตอย่างสม่ำเสมอ มีการขยายฐานลูกค้าออกไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งภายหลังจากการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทจะสามารถรักษาความเป็นผู้นำตลาด อีกทั้งมีโอกาสขยายธุรกิจได้อย่างมีศักยภาพตามเป้าหมายที่วางไว้"นายสมศักดิ์ กล่าว