นายธีรพัฒน์ จิรพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เชียงใหม่ริมดอย (CRD) กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีรายได้อยู่ที่ 1.4 พันล้านบาท จากปีก่อนมีรายได้อยู่ที่ 1 พันล้านบาท โดยบริษัทจะทยอยรับรู้รายได้จาก Backlog เกือบ 1 พันล้านบาทภายในปีนี้ จาก Backlog ที่มีอยู่ทั้งหมดในปัจจุบันที่ 2 พันล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ในปี 61-6 2พร้อมตั้งเป้ารายได้ 3 ปี (ปี 60-62) เติบโตเฉลี่ยปีละ 15%
ขณะที่บริษัทมีงานโครงการที่เตรียมเข้าประมูลในช่วงที่เหลือของปีนี้ในเบื้องต้นมีมูลค่าทั้งหมด 2-3 พันล้านบาท โดยบริษัทคาดหวังจะสามารถคว้างานประมูลดังกล่าวราว 30% ของมูลค่างานที่เข้าประมูลที้งหมด ส่วนใหญ่เป็นงานโครงการของหน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะงานโครงการในภาคเหนือ ซึ่งบริษัทเป็นที่รู้จักและมีประสบการณ์ในการรับเหมางานโครงการของภาครัฐมานาน ทำให้มีโอกาสค่อนข้างมากที่จะสามารถคว้างานของหน่วยงานภาครัฐในภาคเหนือได้
ส่วนงานภาคเอกชนที่บริษัทเตรียมเข้าประมูลส่วนใหญ่เป็นงานก่อสร้างอาคารที่บริษัทมีความชำนาญ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีการเจรจาเพื่อรับเหมางานของภาคเอกชนอยู่ในปัจจุบัน
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่ามูลค่างานในมือ (Backlog) ณ สิ้นปี 60 จะอยู่ที่ 1.4-1.5 พันล้านบาทจากงานประมูลใหม่ที่เพิ่มเข้ามา
นายธีรพัฒน์ กล่าวว่า บริษัทได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 150 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท
ปัจจุบัน บริษัทมีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว 175 ล้านบาท มีมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ 0.50 บาท ซึ่งภายหลังจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) แล้ว บริษัทจะมีทุนจดทะเบียน และทุนจดทะเบียนชำระแล้วทั้งสิ้น 250 ล้านบาท เบื้องต้นบริษัทคาดว่าจะสามารถเสนอขาย IPO และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ได้ภายในครึ่งปีหลังของปีนี้
สำหรับวัตถุประสงค์การเสนอขาย IPO ในครั้งนี้ เพื่อนำเงินที่ได้ไปใช้รองรับการรับงานในอนาคต ซึ่งบริษัทมองเห็นถึงการเปิดประมูลงานต่างๆ ของหน่วยงานภาครัฐที่เพิ่มมากขึ้น จากการเดินหน้าโครงการลงทุนของภาครัฐที่จะออกมามากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ ซึ่งเป็นโอกาสของบริษัทจะขยายงานเข้ามารับงานภาครัฐที่เป็นงานส่วนกลางมากขึ้น โดยเป็นการเข้าประมูลในโครงการที่รับต่อจากผู้รับเหมาหลัก ซึ่งเป็นโอกาสที่บริษัทได้รับงานใหม่เพิ่มขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต
ขณะเดียวกันการระดมทุนในครั้งนี้ยังเป็นการช่วยเพิ่มความสามารถในการรองรับงานเพิ่มขึ้นเป็น 3 พันล้านบาท/ปี หลังจากเข้าจดทะเบียนใน mai จากปัจจุบันบริษัทมีความสามารถในการรับงานได้ต่อปีอยู่ที่ 1 พันล้านบาท โดยบริษัทมีแผนลงทุนในเครื่องจักร และอุปกรณ์ที่ใช้ในงานก่อสร้างเพิ่มเติม เช่น ปั้นจั่น รถแม็คโคร รถเครน รถตัก รถบดดิน เป็นต้น ภายในปี 60-61 โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 50 ล้านบาท ซึ่งการลงทุนดังกล่าวจะช่วยเพิ่มศักยภาพของบริษัทในการเข้ารับงานโครงการจากหน่วยงานราชการและเอกชนมากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีแผนลงทุนสร้างทีมวิศวกร รวมถึงการพัฒนาความรู้ ความสามารถในการควบคุมงานโครงการก่อสร้าง ซึ่งการเพิ่มทีมวิศวกรดังกล่าว เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการการเข้ารับงานโครงการในอนาคตของบริษัท และเพื่อให้การบริการที่ครบวงจร และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันกับคู่แข่งรายอื่น บริษัทมีแผนจัดตั้งหน่วยงานออกแบบ จัดหาบุคลากรเพิ่มในส่วนงานนี้ และเพิ่มพื้นที่สำนักงานเพื่อรองรับการขยายงานฝ่ายออกแบบดังกล่าว ในปี 60-61 คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 20 ล้านบาท