นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ทางเทคนิค บล.ทิสโก้ ประเมินดัชนีช่วงครึ่งปีหลังจะอยู่ที่ 1,650 จุด โดยปัจจัยสนับสนุนจากเศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งปีหลังที่คาดว่าจะสามารถขยายตัวได้ดีกว่าช่วงครึ่งปีแรกจากการลงทุนของภาครัฐบาลที่มีการเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อมากระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว และจะส่งผลให้กำไรบริษัทจดทะเบียนโดดเด่นขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง โดยมองว่ากำไรบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 2/60 จะเป็นไตรมาสที่ต่ำสุดของปีนี้ แต่ทั้งปียังคาดว่าจะสามารถเติบโตได้ 10% และเติบโตได้ในระดับ 10% ในปี 61
สำหรับครึ่งปีหลังนี้แนะนำหุ้นที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่น มี 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มพลังงานทางเลือก เช่น TPIPP, EA, BCPG และ BPP กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เช่น CK, STEC, UNIQ, SEAFCO และ PYLON กลุ่มสื่อสาร เช่น DTAC และ INTUCH กลุ่มโรงแรม เช่น CENTEL, ERW และ MINT ส่วนกลุ่มอื่นๆ ที่แนะนำคือ ROJNA, WHA, JWD และ BEAUTY
แม้ว่าแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วง 2 เดือนหน้าข้าง (ก.ค.-ส.ค. 60) คาดว่าดัชนีจะมีการปรับฐานเป็นไปตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นโลกที่คาดว่าจะมีการปรับตัวลดลงในช่วงดังกล่าว จากปัจจุบันกดดันของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ในช่วงเดือนก.ย. ที่คาดว่าจะมีการพิจาณาปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย หรือการปรับลดงบดุลของสหรัฐฯจากปัจจุบันที่ 4.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ปัจจัยดังกล่าวจะกดดันทำให้นักลงทุนทยอยขายหุ้นก่อนเดือนก.ย. เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงของการปรับตัวของตลาดหุ้นโลก โดยมองว่าดัชนีดาวโจนส์ในช่วง 2 เดือนข้างหน้าจะปรับตัวลดลง 4-6% หรือลดลงราว 1,000 จุด ตอบรับแรงขายที่จะเกิดขึ้น
ส่วนตลาดหุ้นไทยมองว่าจะมีการปรับตัวลดลงไม่แรง โดยมองว่าจะไม่หลุดแนวรับที่ 1,560 จุด แต่หากหลุดแนวรับดังกล่าวจะมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,530 จุด
“ตอนนี้ตลาดหุ้นจะขึ้นหรือปรับตัวลดลงสามารถสังเกตได้จากดัชนี NASDAQ ที่จะสะท้อนภาพตลาดหุ้นทั่วโลกได้ โดยตอนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐยังไม่เห็นการปรับตัวลง 9-10 เดือนต่างจากเดิมที่ 3-6 เดือนจะต้องมีการปรับฐาน ซึ่งลักษณะนี้สะท้อนให้เห็นว่าตลาดหุ้นสหรัฐยังรับผลบวกจากข่าวเกี่ยวกับนโยบายของทรัมป์และเฟด แต่ก็มองว่าในช่วง 2 ข้างหน้าเห็นการปรับฐาน เพราะนักลงทุนอาจจะเริ่มทยอยขายออกมาเพื่อลดความเสี่ยงจากปัจจุบันในสหรัฐฯและยุโรป"นายวิวัฒน์ กล่าว
นายวิวัฒน์ มองว่าในปี 61 ปัจจัยสนับสนุนตลาดหุ้นไทย คือการเลือกตั้ง ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 4/61 จะทำให้นักลงทุนต่างชาติมีความเชื่อมั่นในด้านการลงทุนมากขึ้น และเชื่อว่ากระแสเงินทุนต่างชาติจะไหลเข้ามาตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ไตรมาส 2/60 เป็นต้นไป โดยคาดว่าจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 2 แสนล้านบาท และจะหนุนให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยในสิ้นปี 61 อยู่ที่ 1,800 จุด
“การเลือกตั้งจะเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งจะมีผลต่อ fund flow ที่ไหลเข้ามา เช่นเดียวกับตลาดหุ้นเกาหลีที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งก่อนและหลังเลือกตั้ง จาก fund flow ที่ไหลเข้าช่วง 6 เดือนก่อนการเลือกตั้งทำให้ดัชนีตลาดหุ้นเกาหลีปรับเพิ่มขึ้น 6% และหลังจากการเลือกตั้งยังมี fund flow จากต่างชาติเข้ามาอีก ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นเกาหลีปรับเพิ่มขึ้นได้ต่ออีก 6%"นายวิวัฒน์ กล่าว