ทริสฯ คงอันดับเครดิตองค์กรและแนวโน้ม RATCHGEN ที่ “AAA/Stable"

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday June 29, 2017 13:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรี จำกัด (RATCHGEN) ที่ระดับ "AAA" ซึ่งอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงการได้รับกระแสเงินสดที่แน่นอนจากการมีสัญญาขายไฟฟ้าระยะยาวกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และเทคโนโลยีที่ทันสมัยของโรงไฟฟ้าของบริษัท รวมถึงผลงานในการบริหารโรงไฟฟ้าที่เป็นที่ประจักษ์ และการมีโครงสร้างเงินทุนที่แข็งแกร่ง

บริษัทผลิตไฟฟ้าราชบุรีเป็นบริษัทที่ถือหุ้นทั้งหมดโดย บมจ. ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (RATCH) ซึ่งได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ “AAA" จากทริสเรทติ้ง บริษัทเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชน (Independent Power Producer – IPP) รายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2560 บริษัทเป็นเจ้าของและดำเนินงานโรงไฟฟ้า 2 แห่งซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดราชบุรี ด้วยกำลังการผลิตรวมทั้งสิ้น 4,345 เมกะวัตต์ หรือคิดเป็นประมาณ 10% ของกำลังการผลิตติดตั้งของทั้งประเทศ

โรงไฟฟ้าราชบุรีของบริษัทประกอบด้วยหน่วยผลิตไฟฟ้าพลังความร้อน 2 หน่วยและหน่วยผลิตไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม (Combined Cycle Gas Turbine – CCGT) 3 หน่วย คิดเป็นกำลังการผลิตติดตั้งรวมทั้งสิ้น 3,645 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าราชบุรีมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Power Purchase Agreement -- PPA) กับ กฟผ. ระยะเวลา 25 ปีและซื้อก๊าซธรรมชาติจาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) ภายใต้สัญญาขายก๊าซธรรมชาติ (Gas Sales Agreement -- GSA) ระยะเวลา 25 ปี ส่วนโรงไฟฟ้าไตรเอนเนอจี้ขนาดกำลังการผลิต 700 เมกะวัตต์ซึ่งโอนมาเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2557 นั้นมีสัญญา PPA กับ กฟผ. ระยะเวลา 20 ปี และมีสัญญา GSA กับ ปตท. ระยะเวลา 20 ปีเช่นกัน

ค่าความพร้อมจ่าย (Equivalent Availability Factor -- EAF) และค่าความร้อน (Heat Rate) นั้นเป็นตัวชี้วัดผลการดำเนินงานที่สำคัญซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อถือได้และประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้า โรงไฟฟ้าราชบุรีมีค่าความพร้อมจ่ายสูงกว่าเป้าหมายตาม PPA โดยในปี 2559 หน่วยพลังความร้อนมีค่าความพร้อมจ่ายอยู่ที่ 97.1% ซึ่งดีกว่าเป้าหมายตาม PPA ที่ 95.4% โดยค่าความร้อนในการผลิตไฟฟ้าของหน่วยพลังความร้อนอยู่ที่ 10,200 บีทียูต่อหน่วย (BTU/kWh) ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ใน PPA สำหรับหน่วยผลิตไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมของโรงไฟฟ้าราชบุรีนั้นก็มีผลการดำเนินงานที่ดีกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ใน PPA ด้วยเช่นกัน โดยสามารถดำรงค่าความพร้อมจ่ายที่ระดับเฉลี่ย 91.6% และมีค่าความร้อนในการผลิตไฟฟ้าที่ 7,080 BTU/kWh

สำหรับช่วง 3 เดือนแรกของปี 2560 นั้นค่าความพร้อมจ่ายของหน่วยพลังความร้อนอยู่ที่ 100% เทียบกับเป้าหมายที่กำหนดไว้ใน PPA ที่ 95.5% ในขณะที่มีค่าความร้อนอยู่ที่ 10,899 BTU/kWh ซึ่งเกินกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ 10,100 BTU/kWh เล็กน้อย โดยสะท้อนถึงการจ่ายไฟฟ้าที่ต่ำกว่าระดับที่เหมาะสม ส่วนค่าความพร้อมจ่ายของหน่วยผลิตไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมนั้นอยู่ที่ 86.3% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมาย และมีค่าความร้อนอยู่ที่ 7,095 BTU/kWh ซึ่งดีกว่าเป้าหมายที่ 7,159 BTU/kWh ทั้งนี้ ค่าความพร้อมจ่ายที่สูงดังกล่าวเป็นตัวชี้วัดว่าโรงไฟฟ้าราชบุรีได้รับค่าความพร้อมจ่าย (Availability Payment -- AP) เต็มจำนวนตามที่กำหนดไว้ใน PPA

อย่างไรก็ตาม ในปี 2559 โรงไฟฟ้าไตรเอนเนอจี้ประสบกับปัญหาด้านเทคนิคเกี่ยวกับวงล้อของกังหันก๊าซ (Gas Turbine Rotor) ที่ส่งผลให้ผลการดำเนินงานต่ำกว่าเป้าหมาย โดยโรงไฟฟ้าไตรเอนเนอจี้มีค่าความพร้อมจ่ายที่ 70.6% ในปี 2559 เมื่อเทียบกับเป้าหมายที่ 93.3% และมีค่าความร้อนที่ 7,211 BTU/kWh อย่างไรก็ตาม ปัญหาดังกล่าวได้รับการแก้ไขแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2559 ทำให้ค่าความพร้อมจ่ายในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2560 อยู่ที่ 99.9% และมีค่าความร้อนที่ 7,139 BTU/kWh แม้ว่าผลการดำเนินงานจะต่ำกว่าคาด แต่ก็มิได้ส่งผลกระทบต่อบริษัทมากนักเนื่องจากโรงไฟฟ้าไตรเอนเนอจี้มีกำไรคิดเป็นสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับผลประกอบการโดยรวมของบริษัท นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ดังกล่าวก็อยู่ในความรับผิดชอบของผู้รับเหมางานเดินเครื่องและบำรุงรักษา (Operation and Maintenance Contractor) ทั้งหมด

ในปี 2559 บริษัทจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าจำนวน 20,228 ล้านหน่วยให้แก่ กฟผ. ซึ่งพลังงานไฟฟ้าจำนวน 17,109 ล้านหน่วยผลิตโดยโรงไฟฟ้าราชบุรี ส่วนที่เหลืออีก 3,119 ล้านหน่วยผลิตโดยโรงไฟฟ้าไตรเอนเนอจี้ โดยพลังงานไฟฟ้าที่จำหน่ายนั้นเพิ่มขึ้น 5% จาก 19,186 ล้านหน่วยในปี 2558 แม้ว่า กฟผ. จะสั่งจ่ายไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าของบริษัทเพิ่มขึ้น แต่รายได้ของบริษัทกลับลดลง 18% เป็น 45,010 ล้านบาทเนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติลดลง และรายได้ค่าความพร้อมจ่ายที่ลดลงตามโครงสร้างใน PPA เป็นหลัก ทั้งนี้ ราคาก๊าซธรรมชาติลดลง 22% เป็น 236 บาทต่อล้าน BTU บริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จำนวน 8,282 ล้านบาทในปี 2559 ในขณะที่โครงสร้างเงินทุนยังคงแข็งแกร่ง โดย ณ สิ้นปี 2559 บริษัทมีเงินกู้รวมประมาณ 7,400 ล้านบาทและมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ที่ 22.8%

สำหรับ 3 เดือนแรกของปี 2560 รายได้ของบริษัทลดลง 27% เป็น 9,228 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการสั่งจ่ายไฟฟ้าของ กฟผ. ที่ลดลง 20% เหลือ 4,102 ล้านหน่วย การสั่งจ่ายไฟฟ้าที่ลดลงนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อกระแสเงินสดของบริษัทเนื่องจากกระแสเงินสดของบริษัทจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการดำรงความพร้อมจ่ายของโรงไฟฟ้ามากกว่าจำนวนไฟฟ้าที่จำหน่ายได้ ดังนั้น บริษัทจึงมีรายได้ค่าความพร้อมจ่ายเต็มจำนวนเนื่องจากสามารถดำรงค่าความพร้อมจ่ายที่สูงกว่าเป้าหมาย

โดยในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2560 บริษัทมี EBITDA จำนวน 2,261 ล้านบาท เทียบกับ 2,360 ล้านบาทสำหรับช่วง 3 เดือนแรกของปี 2559 โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2560 บริษัทมีเงินกู้รวมจำนวน 6,200 ล้านบาท ประกอบด้วยเงินกู้ยืมจากบริษัทแม่คือบริษัทผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้งจำนวน 4,200 ล้านบาทและหุ้นกู้ที่ออกในปี 2558 อีกจำนวน 2,000 ล้านบาท บริษัทมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ที่ 19.8% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2560 โดยมีกระแสเงินสดต่อภาระหนี้ที่แข็งแกร่ง สำหรับช่วง 3 เดือนแรกของปี 2560 อัตราส่วน EBITDA ต่อดอกเบี้ยจ่ายของบริษัทอยู่ที่ 36.3 เท่า ในขณะที่อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมอยู่ที่ 114.9% (ปรับเป็นอัตราส่วนเต็มปีด้วยตัวเลขย้อนหลัง 12 เดือน)

ในอนาคตทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมี EBITDA ประมาณ 6,000-7,000 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2560-2562 และจะค่อย ๆ ลดลงตามที่กำหนดไว้ในโครงสร้าง PPA ก่อนที่จะหมดอายุในปี 2570

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงดำรงความพร้อมจ่ายของโรงไฟฟ้าและรักษาผลการดำเนินงานให้สอดคล้องกับเป้าหมายของสัญญาซื้อขายไฟฟ้าได้ต่อไป อีกทั้งจะสามารถสร้างรายได้ที่มั่นคงไปจนตลอดอายุของสัญญาซื้อขายไฟฟ้าซึ่งจะครบกำหนดในปี 2570

ทั้งนี้ ปัจจัยเชิงลบที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตของบริษัท ได้แก่ กรณีที่บริษัทมีภาระหนี้เงินกู้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญซึ่งอาจมาจากการใช้เงินกู้ในการลงทุนขนาดใหญ่ โดยที่ผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าราชบุรีที่ต่ำกว่าคาดอย่างมีนัยสำคัญก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่อาจส่งผลกระทบอันดับเครดิตของบริษัท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ