(เพิ่มเติม) BRRGIF คาดสรุปราคา IPO จากช่วง 9.90-10.40 บ./หน่วยใน 24 ก.ค.-เข้าเทรดต้น ส.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday July 4, 2017 13:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้ากลุ่มน้ำตาลบุรีรัมย์ (BRRGIF) เซ็นสัญญาแต่งตั้งผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหน่วยลงทุน (อันเดอร์ไรทเตอร์) เพื่อเสนอขายหน่วยลงทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ได้แก่ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำหน่ายร่วมกับธนาคารกรุงเทพ และ บล.ซี แอล เอส เอ (ประเทศไทย)

ทั้งนี้ BRRGIF จะเข้าไปลงทุนในสิทธิรายได้สุทธิจากการประกอบกิจการโรงไฟฟ้าของบริษัท บุรีรัมย์พลังงาน จำกัด (BEC) และบริษัท บุรีรัมย์เพาเวอร์ จำกัด (BPC) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาดเล็กมาก (VSPP) ประเภทพลังงานความร้อนร่วมที่ใช้กากอ้อยเป็นเชื้อเพลิงหลัก กำลังผลิตไฟฟ้าโรงละ 9.9 เมกะวัตต์ (MW) รวม 19.8 MW

นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) (MBKET) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหน่วยลงทุน BRRGIF เปิดเผยว่า ได้กำหนดเสนอขายหน่วยลงทุน IPO ของ BRRGIF จำนวนทั้งสิ้น 350 ล้านหน่วย ในราคาระหว่าง 9.90-10.40 บาท โดยหน่วยลงทุน 45.5 ล้านหน่วย กำหนดให้ผู้ถือหุ้น BRR ที่มีสิทธิ จองซื้อระหว่างวันที่ 7 และ 11- 14 ก.ค.นี้ ขณะที่นักลงทุนทั่วไปจำนวน 115.5 ล้านหน่วย จองซื้อได้ 17-21 ก.ค. โดยจะประกาศราคาสุดท้ายภายในวันที่ 24 ก.ค.และคาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ในต้นเดือน ส.ค.นี้

กองทุน BRRGIF จะได้รับรายได้สุทธิฯ ตามสูตรการคำนวณภายใต้สัญญาโอนสิทธิรายได้สุทธิฯ ซึ่งประกอบด้วย (1) รายได้ค่าซื้อขายไฟฟ้า (2) รายได้ค่าซื้อขายไอน้ำ (3) รายได้อื่นที่ได้รับจากการประกอบกิจการ โรงไฟฟ้า หักด้วย (4) ค่าใช้จ่ายของโรงไฟฟ้า

กองทุนฯ มีนโยบายปันผลไม่น้อยกว่าปีละ 2 ครั้ง ในอัตราไม่น้อยกว่า 90% ของกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้ว ซึ่งบริษัทได้จัดให้มีผู้ตรวจสอบบัญชีทำประมาณการกำไรขาดทุนและการปันส่วนแบ่งกำไรในรอบ 12 เดือน (1 พ.ค. 2560 - 30 เม.ย. 2561) ประมาณการเงินปันผลของกองทุนฯอยู่ที่ประมาณ 6.5% จากสมมติฐานว่ามูลค่าเสนอขายครั้งแรกอยู่ที่ 3,717 ล้านบาทโดยมีรายละเอียดตามที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน

นายสุทธิพงศ์ พัวพันธ์ประเสริฐ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่าย Real Estate & Infrastructure Investment บลจ.บัวหลวง เปิดเผยว่า กองทุนนี้เป็นกองทุนที่น่าสนใจเนื่องจาก เป็นกองทุนที่ลงทุนในสิทธิรายได้สุทธิฯ ที่จะเกิดขึ้นจากการประกอบกิจการของโรงไฟฟ้าชีวมวลในกลุ่มบุรีรัมย์

ขณะเดียวกัน ยังมีความมั่นคงทางด้านวัตถุดิบที่เป็นเชื้อเพลิงอย่างกากอ้อย ที่เป็นผลพลอยได้จากการผลิตน้ำตาล และไม่มีต้นทุนค่าขนส่งเนื่องจากซื้อจากโรงงานน้ำตาลบุรีรัมย์ ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกับโรงไฟฟ้าทั้งสอง นอกจากนี้ โรงไฟฟ้ายังมีการทำสัญญาซื้อวัตถุดิบระยะยาวกับโรงงานน้ำตาลบุรีรัมย์ ในลักษณะช่วยป้องกันความเสี่ยงในความผันผวนของราคาและปริมาณที่ได้รับด้วย อนึ่ง กองทุนฯ ยังมีโอกาสเติบโตจากการเข้าลงทุนในทรัพย์สินโรงไฟฟ้าใหม่ของกลุ่มน้ำตาลบุรีรัมย์ที่มีแผนการขยายต่อเนื่อง ดังนั้นกองทุนฯนี้จึงเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสม่ำเสมอในระยะยาว

นายอนันต์ ตั้งตรงเวชกิจ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.น้ำตาลบุรีรัมย์ (BRR) เปิดเผยว่า BRRGIF จะเข้าไปลงทุนในสิทธิรายได้สุทธิจากการประกอบกิจการโรงไฟฟ้าของ BEC และ BPC ซึ่งรายได้จากโรงไฟฟ้าทั้ง 2 แห่งในปี 59 อยู่ที่ 523 ล้านบาท มีอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ย 68% อย่างไรก็ตามตัวเลขดังกล่าวยังไม่สะท้อนถึงผลการดำเนินงานในอนาคตภายใต้โครงสร้างกองทุนได้ เนื่องจากปริมาณอ้อยเข้าหีบของโรงงานน้ำตาลบุรีรัมย์ยังอยู่ช่วงการพัฒนา

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าปีฤดูกาลหีบอ้อย 59/60 นี้จะมีอ้อยเข้าหีบ 2.2 ล้านตัน และเพิ่มเป็น 3 ล้านตันในปี 60/61 ซึ่งจะมีปริมาณกากอ้อยสำหรับเป็นเชื้อเพลิงให้โรงไฟฟ้าทั้ง 2 โรงได้เพียงพอกับช่วงการดำเนินงานของกองทุนเต็มปี ซึ่งจากการเตรียมความพร้อมด้านเชื้อเพลิงชีวมวล การปรับโครงสร้างการบริหาร การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และการกำหนดสัญญาในการประกอบกิจการที่เหมาะสม ดังนั้นภายหลังการจัดตั้งกองทุนฯ โรงไฟฟ้าจะมีผลการดำเนินงานที่ต่างจากที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน BRR จะเข้าถือหน่วยลงทุนในสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 20% และพร้อมสนับสนุนการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าต่อเนื่อง โดยจะนำเม็ดเงินที่ได้มาจากการขายสิทธิรายได้สุทธิฯ จากโรงไฟฟ้าทั้ง 2 แห่ง มาใช้ต่อยอดธุรกิจน้ำตาลทรายและธุรกิจต่อเนื่อง โดยจะมีการพิจารณาก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลเพิ่มเติมด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ