CPALL ไหลลงต่อ 2.07% เทรดแน่น กังวลบริโภคชะลอ-แข่งขันหนัก-ภาระหนี้สูง,โบรกฯมองกระทบแค่ช่วงสั้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 12, 2017 11:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หุ้น CPALL ราคาอ่อนตัวลง 2.07% มาอยู่ที่ 59.25 บาท ลดลง 1.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,354.07 ล้านบาท เมื่อเวลา 11.05 น. โดยเปิดตลาดที่ 60.25 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 60.50 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 59 บาท

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) โดยได้พา CPALL โรดโชว์ที่โตเกียว แม้จะได้รับผลกระทบจากการบริโภคที่ชะลอตัวในประเทศไทยในระยะสั้น แต่ข้อมูลที่ให้แก่นักลงทุนเกี่ยวกับกลยุทธ์การเปิดสาขาใหม่และการเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นได้ยืนยันเรื่องราวการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่ง คาดว่า EPS จะเติบโตเฉลี่ยในช่วง 3 ปีที่ 20% โดยให้ราคาเป้าหมาย 72 บาท/หุ้น

นอกจากนี้ ปัจจัยกังวลมีเล็กน้อยเกี่ยวกับการแข่งขัน ภาระหนี้สินที่สูงท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้น การทำ M&A ในอนาคต และการลดลงของอัตราการจ่ายเงินปันผล บริษัทฯ ตอบว่า 7-Eleven เป็น CVS ที่ขยายตัวเร็วที่สุด โดยมีส่วนแบ่งตลาดใน CVS เพิ่มขึ้นเป็น 65% ขณะที่ M&A ไม่น่าจะทำให้มีภาระหนี้สูง และไม่มีแรงกดดันจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น เพราะ 94% ของหนี้สินเป็นหนี้สินอัตราดอกเบี้ยคงที่ และบริษัทยังคงปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่านโยบายที่ 50% ของกำไร และการเติบโตของ EPS จะช่วยหนุนจำนวนเงินปันผล

ทั้งนี้ บล.ธนชาต และบล.ไดวา ได้รับเกียรติพา CPALL โรดโชว์ที่ญี่ปุ่น 2 วัน ในวันที่ 6-7 ก.ค.โดยโรดโชว์ครั้งนี้ได้รับความสนใจอย่างมากโดยมีกองทุนญี่ปุ่นกว่า 10 ราย โดยข้อมูลที่ได้จากการประชุมยืนยันมุมมองของเราว่า CPALL เป็นบริษัทที่มีการเติบโตที่แข็งแกร่ง คาดว่า EPS จะโตเฉลี่ยในช่วง 3 ปีที่ 20% ซึ่งป็นผลมาจากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม การเปิดสาขาใหม่ และอัตรากำไรขั้นต้นของทั้ง 7-Eleven และ MAKRO ที่ดีขึ้น

ตั้งแต่ Q4/59 จนถึงปัจจุบัน บริษัทฯไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวของการบริโภค ด้วยฐานยอดขายสาขาเดิมที่สูงใน Q2/59-Q3/59 ปีนี้บริษัทฯจึงตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมเพียงตัวเลขหลักเดียว แต่ตั้งเป้าดีขึ้นในปีหน้า สำหรับการขยายสาขา บริษัทฯ ได้ขยายสาขาเร็วกว่าที่ตั้งเป้าไว้ โดยฉลองเปิด 10,000 สาขาทั่วประเทศในวันที่ 11 ก.ค.60 (7-11) ซึ่งหมายความ YTD เปิด 458 สาขา หรือ 65% ของเป้าที่จะเปิด 700 สาขาในปี 60 บริษัทมีแนวโน้มที่จะมีอัตรากำไรขั้นต้นของผลิตภัณฑ์รวมสูงขึ้น 10-20bp หนุนโดยการเติบโตของยอดขายผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมรับประทานและของใช้ส่วนตัวที่ให้อัตรากำไรสูง

สำหรับ MAKRO บริษัทได้ชะลอการขยายสาขาในประเทศในปีนี้เนื่องจากมีสาขาเพิ่มเกือบสองเท่าตั้งแต่ CPALL เข้าซื้อในปี 56 เป็น 106 สาขาในปัจจุบัน แต่จะเปิดสาขาในต่างประเทศ โดยสาขาแรกที่กัมพูชาใน Q4/60 นี้ โดยอาหารสดจะเป็นตัวหลักผลักดันยอดขายสาขาเดิม และอัตรากำไรขั้นต้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ