RML ตั้งเป้ารายได้โตแตะ 1.3-1.5 หมื่นลบ.ภายใน 3-5 ปี เน้นเพิ่มรายได้ประจำ,สรุปร่วมทุนพันธมิตรต่างชาติใน 12-18 เดือน

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday July 18, 2017 15:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเอเดรียน ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไรมอน แลนด์ (RML) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ในช่วง 3-5 ปีนี้ อยู่ที่ 1.3-1.5 หมื่นล้านบาท ด้วยกลยุทธ์การเน้นเพิ่มรายได้ประจำ แต่ยังคงให้ความสำคัญกับรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ระดับบน ซึ่งเป็นธุรกิจที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ

แผนงานในช่วง 3-5 ปี สัดส่วนการกระจายรายได้ของบริษัทแบ่งเป็น รายได้จากการขายโครงการคอนโดมิเนียมระดับบน 30-40% รายได้จากการขายโครงการแนวราบ 20% และรายได้ประจำที่มาจากอาคารสำนักงานและธุรกิจโรงแรมในประเทศ 20-25% และการลงทุนในต่างประเทศทั้งที่เป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจอื่นๆ 5-10% จากปัจจุบันรายได้เกือบ 100% เป็นรายได้ที่มาจากการขายคอนโดมิเนียมระดับบน

สำหรับการลงทุนในต่างประเทศนั้น บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรต่างชาติเพื่อร่วมกันพัฒนาโครงการในรูปแบบร่วมทุนในเอเชีย คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วง 12-18 เดือนจากนี้ โดยรายละเอียดและรูปแบบการร่วมทุนอยู่ในขั้นตอนของการเจรจา

นายลี กล่าวว่า การขยายธุรกิจและกระจายการลงทุนของ RML ทั้งในและต่างประเทศ บริษัทยังมองหาการลงทุนอื่นๆ ที่น่าสนใจ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นการลงทุนเฉพาะในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น เพราะยังมีธุรกิจอื่นที่บริษัทสนใจ เช่น ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (F&B) และธุรกิจพลังงาน เป็นต้น หากมองเห็นว่าเป็นโอกาสการลงทุนที่ดี

ในด้านการลงทุนธุรกิจโรงแรมในประเทศ บริษัทมีความสนใจที่จะลงทุนโรงแรมทางภาคใต้ของไทย ซึ่งเป็นภาคที่มีการเติบโตของการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทมีความสนใจมองหาที่ดินและทำเลที่เหมาะสมในเมืองท่องเที่ยวของภาคใต้เพื่อพัฒนาเป็นโรงแรม

นายลี กล่าวว่า บริษัทตั้งงบลงทุนในช่วง 3-5 ปีนี้รวม 2 หมื่นล้านบาท โดยแบ่งเป็น 1 หมื่นล้านบาทจะใช้สำหรับการก่อสร้างโครงการอาคารสำนักงานเกรด A ย่านเพลินจิต ตรงข้ามเซ็นทรัลแอมบาสซี พื้นที่ให้เช่า 100,000-110,000 ตารางเมตร จะเริ่มก่อสร้างภายในเดือน ต.ค.นี้ และมีกำหนดเปิดให้บริการและเริ่มมีรายได้เข้ามาในช่วงปี 63

ส่วนเงินลงทุนที่เหลืออีก 1 หมื่นล้านบาทจะนำไปใช้สำหรับการลงทุนในต่างประเทศและการลงทุนอื่นๆ

ด้านผลประกอบการในปีนี้ RML คาดว่าจะมีรายได้ราว3-4 พันล้านบาท โดยบริษัทจะมีการทยอยรับรู้รายได้จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ที่มีอยู่ 3.3-3.5 พันล้านบาท โดยโครงการที่อยู่ใน Backlog ที่อยู่ระหว่างการโอน คือ โครงการ The Loft เอกมัย ที่มียอดขาย 98% และโอนไปแล้ว 40% เหลืออีก 60% ส่วนโครงการ The Loft อโศกที่มียอดขาย 75% จะมีกำหนดโอนในช่วงปี 61

ขณะที่มูลค่าสต๊อกของบริษัททั้งหมด 5.2-5.4 พันล้านบาท ได้แก่ โครงการ 185 ราชดำริ โครงการ The River และโครงการ The Loft เอกมัย เป็นต้น

ช่วงครึ่งหลังของปีนี้บริษัทมีแผนเปิดพรีเซลโครงการ The Loft สีลม มูลค่า 3.5 พันล้านบาทในวันที่ 23 ก.ค.นี้ ราคาขายเริ่มต้น 17 ล้านบาท ขนาดห้องเริ่มต้น 34 ตารางเมตร หรือเฉลี่ยตารางเมตรละ 200,000 บาท มีกำหนดแล้วเสร็จและทยอยโอนในช่วงปลายไตรมาส 3/63 และช่วงปลายปีจะเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยวระดับบน ย่านเย็นอากาศจำนวน 20-25 ยูนิต มูลค่า 1.1 พันล้านบาท

นายลี กล่าวว่า ตลาดอลังหาริมทรัพย์ระดับบนราคามากกว่า 10 ล้านบาท ยังมีการเติบโตไดิในระดับที่ดี ซึ่งกลุ่มลูกค้าระดับบนเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อที่แข็งแกร่งและไม่ค่อยมีความเสี่ยงเรื่องการถูกปฏิเสธสินเชื่อ ทำให้อัตราการปฏิเสธสินเชื่อของบริษัทอยู่ในระดับ 1% ต่ำกว่าภาพรวมตลาดที่อยู่ในระดับ 15-20% ทำให้บริษัทมีความเสี่ยงในด้านการโอนและรับรู้รายได้ที่น้อยมาก

นอกจากนั้น ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยยังคงมีความน่าสนใจเมื่อเทียบในสิงคโปร์และจีน เพราะการลงทุนของภาครัฐที่มีแผนการขยายเส้นทางการคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ขณะที่กำลังซื้อในปัจจุบันแม้ว่าอาจจะยังคงชะลอตัวอยู่บ้าง แต่ยังมีแนวโน้มที่ค่อยๆฟื้นตัวขึ้น ตามแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ประกอบกับภาครัฐยังมีมาตราการออกมาสนับสนุนและกระตุ้นเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีชาวต่างชาติที่ยังมีความสนใจเข้าซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยสนับสนุนให้ความต้องการอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ