บล.หยวนต้า แจงปรับระบบคุมเข้มเพิ่มความมั่นใจลูกค้าหลังเลิกจ้างอดีตพนง.ทุจริตพร้อมดำเนินคดีตามกม.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 26, 2017 11:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางบุญพร บริบูรณ์ส่งศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ภายหลังจากกลุ่มหยวนต้าเข้าซื้อกิจการจาก บล.เคเคเทรด มาแล้ว บริษัทได้ตรวจสอบพบข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและทุจริตของพนักงาน ซึ่งได้กระทำความผิดในระหว่างปี 56-59 ก่อนการเข้าซื้อกิจการ ซึ่งเป็นการทุจริตหลอกลวงลูกค้าและปลอมแปลงเอกสารทุจริตแอบอ้างว่าเป็นเงินของบุคคลอื่น รวมถึงหลอกลวงให้ลูกค้าโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารส่วนตัวของตน ทำให้เกิดความเสียหายกับลูกค้า

ดังนั้น บริษัทจึงได้ดำเนินการเลิกจ้าง และแจ้งต่อหน่วยงานทางการที่เกี่ยวข้อง พร้อมอยู่ระหว่างการดำเนินการทางกฎหมายกับพนักงานรายดังกล่าว ในส่วนลูกค้านั้น บริษัทได้ดำเนินการประสานงานกับพนักงานเจ้าหน้าที่ของรัฐในการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อนำมาประกอบการพิจารณาการเยียวยาความเสียหายให้กับผู้ได้รับความเสียหายที่แท้จริงต่อไป

นางบุญพร กล่าวว่า ​บริษัทได้เข้ามาดำเนินกิจการในช่วงปลายปี 59 ได้ปรับปรุงพัฒนาระบบงานในการดูแลทรัพย์สินลูกค้า คุมเข้มในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้แนะนำการลงทุนและการปฏิบัติงานของฝ่ายปฏิบัติการหลักทรัพย์ มีการสอบยันข้อมูลกับลูกค้าในการฝาก โอน และถอนทรัพย์สิน ตลอดจนมีรายงานการแจ้งยอดทรัพย์สินให้ลูกค้าตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ โดยลูกค้าสามารถตรวจสอบสินทรัพย์ที่ฝากไว้กับบริษัทได้เสมอและได้วางกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ของบริษัทให้มีความรัดกุมและปลอดภัยต่อการดูแลทรัพย์สินของผู้ลงทุนที่เป็นลูกค้าของบริษัท ซึ่งเป็นไปตามการกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และ/หรือหน่วยงานใดๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด

การทุจริตดังกล่าวเป็นใช้ช่องว่างในการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร (Pay in) ซึ่งทำให้เกิดปัญหากับบริษัทหลักทรัพย์หลายแห่ง ดังนั้น ที่ผ่านมาทางสมาคมบริษัทหลักทรัพย์จึงได้กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับช่องทางการรับเงินจากลูกค้าของบริษัทหลักทรัพย์ โดยไม่ให้รับเงินผ่านช่องทางการโอนเงิน (Pay in) อีกต่อไป แต่ให้เป็นช่องทางที่อ้างอิงได้ว่ามาจากลูกค้าโดยตรง (ATS, E-Payment, Bill Payment) ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.59 เป็นต้นมา ทำให้ความเสี่ยงในการใช้ช่องทางการทุจริตดังกล่าวหมดไป

"กลุ่ม บล.หยวนต้า เป็นบริษัทหลักทรัพย์อันดับ 1 จากประเทศไต้หวันได้ตัดสินใจเข้าลงทุนในประเทศไทยด้วยเงินลงทุนกว่า 4,500 ล้านบาท พร้อมให้ความเชื่อมั่นและสนับสนุนการบริหารงานของทีมผู้บริหารมืออาชีพ โดยเหตุการณ์นี้จะไม่กระทบต่อความสามารถในการดำเนินธุรกิจของบริษัทตามแผนธุรกิจวางไว้แต่อย่างใด"นางบุญพร กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ