โบรกฯเชียร์"ซื้อ"STEC เล็งกำไรสุทธิโตดีต่อเนื่อง-Backlog สูงถึง 1 แสนลบ.,ฐานะการเงินแกร่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 16, 2017 15:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ต่างเชียร์"ซื้อ"หุ้น บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC) เล็งกำไรสุทธิปี 61 เติบโตสูง 32-39% มาที่ 1,500-1,600 ล้านบาท จากปี 60 ที่คาดมีกำไรในช่วง 1,135-1,150 ล้านบาท รับแรงหนุนจากงานในมือที่สูงถึง 1 แสนล้านบาท รองรับรายได้ยาว 4-5 ปี

พร้อมคาดหวังครึ่งหลังปีนี้ (H2/60) จะได้งานใหม่เช้ามาอีกจากการเปิดประมูลโครงการภาครัฐฯ จากเมื่อสัปดาห์ก่อนได้งานรถไฟทางคู่ ช่วงนครปฐม-หัวหิน สัญญาที่ 2 มูลค่า 7.67 พันล้านบาท

นอกจากนี้ ราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาในระดับที่น่าสนใจ และ STEC ก็เป็นบริษัทที่มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง

ล่าสุดเมื่อเวลา 14.59 น.ราคาหุ้น STEC อยู่ที่ 24.60 บาท ลดลง 0.10 บาท (-0.40%)

          โบรกเกอร์                       คำแนะนำ          ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
          เคจีไอ (ประเทศไทย)             Outperform             33.20
          ธนชาต                            ซื้อ                  33.00
          เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)     ซื้อเก็งกำไร              30.00
          ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย)              ซื้อ                  30.00
          ทรีนิตี้                             ซื้อ                  27.50

นายธีรวุฒิ กานต์นิภากุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้น STEC ปรับตัวลดลงมาในระดับที่น่าสนใจ เป็นบริษัทที่มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง ขณะที่งานในมือ (Backlog) มีอยู่ถึง 1 แสนล้านบาทสามารถรองรับธุรกิจไปยาว 5 ปี และมีแนวโน้มจะได้รับงานใหม่ต่อเนื่อง โดยในช่วง 8 เดือนข้างหน้าจะมีงานประมูลของภาครัฐฯออกมาประมาณ 3-4 แสนล้านบาท และดูจาก Track Record หรือผลงานชอง STEC ก็มีโอกาสจะได้งานเพิ่มขึ้นอีก

พร้อมประเมินกำไรสุทธิในปี 60 เติบโต 26% มาที่ 1,135 ล้านบาท จากปีก่อนมีกำไรสุทธิ 900 ล้านบาท ไม่รวมรายการพิเศษ ส่วนปี 61 คาดกำไรสุทธิเติบโต 32% มาที่ 1,500 ล้านบาท และ ปี 62 เติบโต 20% มาที่ 1,800 ล้านบาท ยังคงคำแนะนำ"ซื้อ"ที่ราคาเป้าหมาย 30 บาท โดยมี P/E 31 เท่าในปี 61

ด้านนายสุรชัย ประมวลเจริญกิจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) กล่าวว่า ผลประกอบการในไตรมาส 2/60 มีกำไรสุทธิ 243 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนในไตรมาสเดียวกัน 19% แต่ยังไม่ค่อยดีมาก แต่คาดหวังจะดีขึ้นในครึ่งหลังปี 60 ทั้งนี้ คาดว่าในปี 61 จะทำกำไรได้ดีจากงานในมือที่มีสูงถึง 1 แสนล้านบาท รองรับรายได้ยาวถึง 4 ปีข้างหน้า

นับตั้งแต่ต้นปี STEC ได้งานใหม่เข้ามาถึง 7 หมื่นล้านบาท โดยเป็นโครงการขนาดใหญ่ คือ รถไฟฟ้าสายสีส้ม 1.6 หมื่นล้านบาท รถไฟฟ้าสายสีชมพู 1.8 หมื่นล้านบาท และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง 2 หมื่นล้านบาท ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 ส.ค.เพิ่งได้งานรถไฟทางคู่ นครปฐม-หัวหิน สัญญา 2 วงเงิน 7.67 พันล้านบาท อนาคตมีแนวโน้มจะได้งานใหม่ต่อเนื่อง

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่ารายได้ในปี 60 อยู่ที่ 2 หมื่นล้านบาท ปี 61 เพิ่มมาเป็น 2.7 หมื่นล้านบาท และปี 62 เพิ่มมาทึ่ 3.2 หมื่นล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิปี 60 ลดลง 17% มาที่ 1,150 ล้านบาท จากปีก่อน 1,395 ล้านบาท(รวมรายการพิเศษ) เพราะมีงานก่อสร้างรัฐสภาเป็นตัวฉุดกำไร แต่ในปี 61-62 จะฟื้นตัวมามีกำไรสุทธิเป็น 1,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% และ 1,850 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% ตามลำดับ

"ช่วงนี้ให้เล่นเก็งกำไร คาดว่าราคาหุ้นไปไหนไม่ไกล เพราะไม่ค่อยมีงานใหม่ ช่วงที่เหลือปีนี้ก็มีแต่งานรถไฟทางคู่ แนะให้ลงซื้อขึ้นขาย"นายสุรชัย กล่าว

ขณะที่บทวิเคราะห์ของ บล.ธนชาต คาดว่า STEC จะรายงานกำไรที่สูงขึ้นในช่วงครึ่งหลังปี 60 เนื่องจากการเริ่มก่อสร้างหลายโครงการ เช่น สายสีส้ม เมื่อรวมโครงการรถไฟทางคู่ 7.5 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ ชนะเมื่อสัปดาห์นี้ คาดว่าบริษัทฯจะมีมูลค่างานในมือ 1.04 แสนล้านบาท ณ สิ้นไตรมาส 2/60 จึงยังคงคำแนะนำ"ซื้อ"

"เราชอบ STEC จากฐานะการเงินที่มั่นคง ด้วยมีฐานะเป็นเงินสดสุทธิ และเราคาดว่าเป็นหนึ่งในผู้ได้รับผลประโยชน์มากที่สุดจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของรัฐบาล อีกทั้งเรายังคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทฯ น่าจะดีขึ้นในช่วง 2 ปีข้างหน้า เนื่องจากมีการรับรู้รายได้จากงานโครงการก่อสร้างรัฐสภาใหม่ที่มีผลขาดทุนลดลงอย่างต่อเนื่องอีกด้วย"บทวิเคราะห์บล.ธนชาต ระบุ

บล.ทรีนิตี้ ระบุว่า STEC ประกาศรายได้รวมในไตรมาส 2/60 ที่ 4,416 ล้านบาท (-12%QoQ,+16%YoY) โดยยังคงมาจากการรับรู้งานก่อสร้างในโครงการหลักๆ อย่าง (1) อาคารรัฐสภา (2) รถไฟทางคู่เส้นทางฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย (3) รถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และ (4) โรงไฟฟ้า

อัตราการทำกำไรต้นปรับตัวดีขึ้น แม้จะมีการรับรู้งานก่อสร้างในโครงการอาคารรัฐสภาในสัดส่วนที่สูงขึ้น มาอยู่ที่ 8.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนที่ 8.2% แต่ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 9.3% มี Backlog สุดแกร่งที่ 1 แสนล้านบาท พร้อมแรงหนุนจากการเปิดประมูลโครงการภาครัฐตามแผน ส่งผลให้แนวโน้มรายได้ในช่วงปี 61-63 มีความมั่นคงและเติบโตชัดเจน พร้อมกระจายการลงทุนไปยังธุรกิจโรงไฟฟ้า และรถไฟฟ้า และมีฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง

ปัจจุบัน Backlog อยู่ที่ราว 1 แสนล้านบาท (รวมโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลือง) ซึ่งนับระดับที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยนับตั้งแต่ต้นปี STEC รับงานใหม่ทั้งสิ้นแล้วถึง 6.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ราว 2 หมื่นล้านบาทอย่างมาก

ล่าสุด (10 ส.ค.) STEC เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุดที่ 7,677 ล้านบาท ต่ำกว่าราคากลางราว 2% ของโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงนครปฐม-หัวหิน สัญญาที่ 2 คาดจะสามารถลงนามได้ทันในปี 60 นี้


แท็ก (STEC)  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ