(เพิ่มเติม) PTTEP คงเป้าปริมาณขายปีนี้ 3 แสนบาร์เรล/วัน รักษาต้นทุนต่อหน่วย 29 เหรียญฯ-EBITDA Margin 70%

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 22, 2017 13:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายยงยศ ครองพาณิชย์. ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) เปิดเผยว่า บริษัทคงเป้าปริมาณขายปีนี้เฉลี่ย 3 แสนบาร์เรล/วัน พร้อมทั้งรักษาต้นทุนต่อหน่วยที่ 29 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และจะรักษา EBITDA Margin ที่ 70% ของรายได้จากการขาย โดยประเมินราคาน้ำมันดิบปีนี้น่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 49-50 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งบริษัทฯจะควบคุมต้นทุนต่อหน่วยทั้งปีให้อยู่ที่ 29 เหรียญ/บาร์เรล

ขณะที่คาดว่าปริมาณขายและราคาขายในไตรมาส 3/60 จะดีขึ้นกว่าไตรมาส 2/60 โดยประเมินปริมาณขายที่ราว 2.9 แสนบาร์เรล/วัน จากโครงการ MTJDA ที่มีปัญหาทางด้านผู้รับได้ปรับปรุงแก้ไขเรียบร้อยแล้ว รวมถึงโครงการ S1 จากที่มีปัญหาการใช้ที่ดินของ ส.ป.ก. สามารถกลับมาผลิตได้ตามปกติ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังควบคุมต้นทุนต่อหน่วยได้ตามแผนที่คาดว่าจะอยู่ที่ 30 เหรียญ/บาร์เรล ประกอบกับราคาขายปรับตัวสูงขึ้น

สำหรับแผนการดำเนินงานในครึ่งปีที่เหลือของปีนี้ บริษัทจะเน้นดำเนินการในโครงการ S1 โดยเจาะหลุมสำรวจเพิ่มมากขึ้น และในประเทศเมียนมาก็จะเพิ่มปริมาณการขายในประเทศ เพื่อทดแทนปริมาณการขายที่ลดลงในฝั่งอ่าวไทย และพยายามที่จะเพิ่มประสิทธิภาพระบบปิดซ่อมบำรุงของเมียนมา ส่วนแหล่งน้ำมัน Montara จะเร่งการขุดเจาะสำรวจเร็วขึ้นจากเดิมที่มีแผนขุดเจาะในปีหน้า ขณะที่แหล่งบงกชและแหล่งอาทิตย์ จะเพิ่มผลผลิตจากหลุมที่มีน้ำมันดิบให้เพิ่มขึ้น เพื่อทดแทนในส่วนของก๊าซ และเพิ่มปริมาณการขาย

นอกจากนี้ บริษัทยังมีความพร้อมสูงสุดในการเข้าประมูลโครงการก๊าซธรรมชาติ 2 แห่ง ทั้งแหล่งบงกชและเอราวัณ ภายหลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติระบบแบ่งปันผลผลิต (PSC) คาดว่าจะสามารถออกร่างประกาศเชิญชวนเอกชนเข้าร่วมประมูล (TOR) ในเดือนก.ย.นี้ และจะเปิด Data Room เพื่อให้ดูข้อมูลได้ในช่วงเดือน ต.ค.60 ก่อนจะประกาศผู้ชนะประมูลในไตรมาส 1/61 ซึ่งบริษัทถือว่ามีความเชี่ยวชาญในด้านการสำรวจและขุดเจาะ รวมถึงยังมีต้นทุนต่อหน่วยที่ต่ำ เมื่อเทียบผู้ประกอบการในกลุ่มเดียวกันในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นายยงยศ กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการขยายการลงทุน ทั้งในรูปแบบการซื้อกิจการ และการร่วมลงทุน ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียนเพื่อเพิ่มปริมาณผลผลิต โดยมีความพร้อมด้านเงินทุนทั้งจากเงินสดในมือและเงินกู้รวมมากกว่า 6 พันล้านเหรียญสหรัฐจากปัจจุบันมีกระแสเงินสดประมาณ 4.2 พันล้านเหรียญฯ และยังมีความสามารถในการกู้ยืมจากสถาบันทางการเงินได้อีกราว 2 พันล้านเหรียญฯ ซึ่งถือว่ามีเพียงพอต่อการลงทุนที่จะเกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม บริษัทอยู่ระหว่างพัฒนาโครงการอื่น ๆ คือ Mozambique Offshore LNG ที่คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในปี 65-66 , Algeria HBR คาดว่าจะเริ่มได้ในปี 66 และ Ubon คาดเริ่มดำเนินการได้ในปี 64


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ