โบรกฯเชียร์"ซื้อ"CK มอง Backlog ปีนี้พุ่งทะลุ 1 แสนลบ.,มีโอกาสรับงานในลาวเพิ่มหลัง CKP มีลุ้นโครงการพลังน้ำขนาดใหญ่

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 24, 2017 14:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบกเกอร์ เห็นพ้องแนะนำ"ซื้อ"หุ้นบมจ.ช.การช่าง (CK) มองงานในมือ(Backlog)ปีนี้ จะแตะระดับเกินกว่า 1 แสนล้านบาท จากปัจจุบันมีงานในมือ 8.6 หมื่นล้านบาท โดยแนวโน้มครึ่งปีหลังคาดได้งานราว 4 หมื่นล้านบาท หรือ 20% ของงานโครงการภาครัฐที่จะออกมาประมูลราว 2 แสนล้านบาท และในปลายปีนี้คาดว่าบมจ.ซีเค พาวเวอร์ (CKP) ซึ่งเป็นบริษัทลูกจะได้พัฒนาโครงการพลังงานน้ำในลาวขนาดใหญ่ กำลังการผลิต 1,400 เมกะวัตต์ ซึ่งจะส่งงานให้ CK อีกราว 1 แสนล้านบาท

อย่างไรก็ตามประเมินกำไรสุทธิของ CK ในปีนี้จะยังไม่ค่อยสดใส เมื่อเทียบจากปีก่อนที่มีงานส่วนเพิ่มเติมโครงการไซยะบุรีเข้ามา ทำให้กำไรสุทธิปี 60 อาจอ่อนตัวลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 1.4 -1.8 พันล้านบาท แต่เชื่อว่ากำไรสุทธิจะกลับมาเติบโต 15-30% ในปี 61

ราคาหุ้น CK ช่วงบ่ายอยู่ที่ 27.50 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ปรับขึ้น 0.09%

          โบรกเกอร์               คำแนะนำ                    ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
          โนมูระ พัฒนสิน               ซื้อ                             42.00
          แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์            ซื้อ                             38.00
          ทิสโก้                      ซื้อ                             37.00
          ดีบีเอส วึคเคอร์สฯ            ซื้อ                             37.00
          เคทีบี (ประเทศไทย)          ซื้อ                             36.00
          เคจีไอ (ประเทศไทย)      Outperform                        35.80
          ฟิลลิป (ประเทศไทย)          ซื้อ                             35.00
          เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ            ซื้อ                             34.00
          บัวหลวง                    ซื้อ                             33.50
          แอพเพิล เวลธ์               ซื้อ                             33.00
          ทรีนีตี้                      ซื้อ                             32.00

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนะนำ"ซื้อ" หุ้น CK ราคาเป้าหมาย 36 บาท/หุ้นอิง PER กลุ่มอุตสาหกรรมที่ประมาณ 25.50 เท่า โดยมีมูลค่าจากบริษัทลูก คือ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ(BEM) บมจ.ซีเค พาวเวอร์ (CKP) และ บมจ.ทีทีดับบลิว (TTW) ที่มีมูลค่ารวมกันที่ 28.80 บาท และธุรกิจรับเหมา 7.20 บาท เท่ากับซื้อหุ้น CK ได้รับประโยชน์จากบริษัทลูกด้วย

ในครึ่งหลังปี 60 มีงานโครงการภาครัฐออกมาประมูลกว่า 2 แสนล้านบาท ได้แก่ งานก่อสร้างโครงการถไฟทางคู่ที่ยังเหลือ 7 สัญญา รวมมูลค่าราว 7 หมื่นล้านบาท โครงการถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ มูลค่า 1 แสนล้านบาท และ ล่าสุดคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติโครงการทางหลวงพิเศษสายบางปะอิน-นครราชสีมา (M6) กรอบวงเงินไม่เกิน 3.3 หมื่นล้านบาท และสายบางใหญ่-กาญจนบุรี (M81 ) กรอบวเงินไม่เกิน 2.8 หมื่นล้านบาท

โดยผู้บริหาร CK คาดว่าจะได้งานใหม่ 20% ของมูลค่างานที่ออกมาประมูล หรือประมาณ 4 หมื่นล้านบาท เมื่อรวมกับงานในมือที่มีอยู่ 8.6 หมื่นล้านบาท จะทำให้ CK มีงานในมือสิ้นปีนี้กว่า 1.2 แสนล้านบาท

แม้ว่าในปี 60 กำไรสุทธิของ CK จะไม่ค่อยเติบโต โดยประเมินกำไรที่ระดับ 1.78 พันล้านบาท จากปีก่อนมีกำไรสุทธิ 2 พันล้านบาท เพราะปีก่อนได้งานส่วนเพิ่มเติมจากโครงการไซยะบุรี แต่ในปี 61 จะกำไรสุทธิเติบโต 30% มาที่ 2.34 พันล้านบาท

นายสุรชัย ประมวลเจริญกิจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) คาดว่า แนวโน้มผลประกอบการของ CK ในไตรมาส 3/60 จะชะลอตัวลงจากไตรมาส 2/60 แต่ก็ยังโตกว่าในช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะไตรมาส 2/60 รับรู้รายได้จากงานเครื่องกลและวางระบบ (M&E) ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินจำนวน 1.96 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการในไตรมาส 3/60 จะกลับมาปกติ โดยมีรายได้ราว 8-9 พันล้านบาท และคาดมีกำไรราว 400-600 ล้านบาท

ปัจจุบัน CK มีงานในมืออยู่ที่ 8.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งรับรู้รายได้ 2-3 ปี โดยปีนี้ได้งานใหม่แล้วถึง 4.84 หมื่นล้านบาท และแนวโน้มในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะได้งานใหม่เข้ามา โดย CK คาดว่าจะได้งาน 20% ของงานภาครัฐที่ออกประมูล

นอกจากนี้ เงินลงทุนในบริษัทลูก ได้แก่ CKP ,BEM และ TTW ก็มีโอกาสเติบโตและช่วยเพิ่มงานให้กับ CK ด้วย โดยคาดว่าในปลายปีนี้ CKP จะได้งานขยายโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในลาว ขนาด 1,400 เมกะวัตต์ ที่มีขนาดใหญ่กว่าโครงการไซยะบุรี โดยคาดว่า CK จะได้รับงานก่อสร้างประมาณ 1 แสนล้านบาท จะช่วยเสริมให้งานในมือเติบโตขึ้นสูงมากเกินกว่า 1 แสนล้านบาท

สำหรับคาดการณ์กำไรของ CK ในปี 60 คาดว่าจะอยู่ที่ 1.82 พันล้านบาท ลดลง 5% จากปีก่อน แต่ในปี 61 คาดว่าเติบโตขึ้นมา 15% มาที่ 2.09 พันล้านบาท โดยรับรู้ผลการดำเนินงานของ BEM ที่จะดีขึ้นจากการเชื่อมต่อสถานีเตาปูนไปสถานีบางซื่อทำให้จำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น และทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอกฯที่จะรับรู้ผลการดำเนินงานเข้ามาเต็มปี ขณะที่ CKP ก็จะรับรู้รายได้ โรงไฟฟ้า BIC2

ด้านนายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ในปีนี้ CK น่าจะมีงานในมือสูงขึ้นแตะระดับ 1 แสนล้านบาท จากปัจจุบันมีงานในมืออยู่ที่ 8.6 หมื่นล้านบาท โดยในครึ่งปีหลัง จะมีงานประมูลงานโครงการภาครัฐออกมารวมประมาณ 2.27 แสนล้านบาท รวมงานรถไฟทางคู่ มูลค่า 7.3 หมื่นล้านบาท ,รถไฟสายสีม่วงใต้, ทางด่วนพระราม 3–ดาวคะนอง และที่เก็บเงินมอเตอร์เวย์ ขณะที่ในปีหน้าจะมีงานมูลค่า 5.55 แสนล้านบาท ได้แก่ ส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงินและสายสีส้ม, ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฟสที่ 3 และรถไฟทางคู่เฟสที่ 2 นอกจากนี้ยังมีโอกาสได้โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในลาว ซึ่งมีขนาด 8-9 หมื่นล้านบาทใกล้เคียงโครงการไซยะบุรี

ส่วนกำไรสุทธิในปี 60 คาดไว้ที่ 1.48 พันล้านบาท ลดลง 16-17% จากปีก่อน แต่ในปี 61 จะมีกำไรสุทธิ 1.82 พันล้านบาท เติบโต 22% จากงานในมือที่มีอยู่จำนวนมาก

“ราคา CK นิ่ง ๆ แม้ว่างานในมือเยอะมาก แต่ช่วงนี้ CK ไม่ได้งานทางคู่ เมื่อเทียบกับ STEC ,PLE ,ITD เพราะช่วงที่ผ่านมา CK ประมูลงานโครงการรถไฟทางคู่ไม่ได้ เชื่อว่า CK มีงานในมือเข้ามามาก เป็นหุ้นที่เราชอบอยู่แล้ว และราคามี Upside ราว 34% P/E ปัจจุบัน 25 เท่า โดยใช้วิธี Sum of part"นายอภิชาติ กล่าว

ด้านบล.บัวหลวง ระบุ CK มีแนวโน้มงานประมูลที่ดีจะหนุนให้มีมูลค่างานในมือสูงขึ้น และนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของรายได้ก่อสร้างในปี 60 และ 61 ทั้งนี้เชื่อว่า CK จะรักษางานเซ็นสัญญาใหม่ที่ระดับเกิน 1 แสนล้านบาทได้ในช่วงปี 60-61 อย่างไรก็ดี การรับรู้งานส่วนเพิ่มโครงการไซยะบุรี 1.1 หมื่นล้านบาทเมื่อปีก่อน ทำให้ฐานรายได้ปีก่อนสูงถึง 4.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่ปีนี้ไม่มีส่วนเพิ่มพิเศษ แต่มีการส่งมอบอุปกรณ์ในโครงการวางระบบรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายเข้ามาในไตรมาส 2/60 ทำให้รายได้ปีนี้จบที่ 3.7 หมื่นล้านบาท ลดลง 18%

ขณะที่การได้งานใหม่ปี 60 และ 61 จะหนุนรายได้ปีหน้าเติบโตอีก 8% ขณะที่มาร์จิ้นค่อย ๆ ดีขึ้น เพราะงานส่วนเพิ่มไซยะบุรีมีมาร์จิ้นต่ำ จะค่อย ๆ รับรู้หมดไป ทำให้มาร์จิ้นฟื้นตัวเป็น 8.4% และ 9% จากปี 59 ที่ 7.08% รายได้ที่เพิ่มขึ้นจะช่วยลดรายจ่ายดำเนินงานคงที่ รวมทั้งการฟื้นตัวของบริษัทร่วม โดยคาดหมายกำไรปกติปี 61 กลับมาเติบโต 15% จากติดลบ 3% ในปี 60

สำหรับยอดงานเซ็นใหม่สะสมตั้งแต่ต้นปีมูลค่ารวม 4.84 หมื่นล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนที่ 2.41 หมื่นล้านบาท โดยโครงการเซ็นใหม่ 7 โครงการ ประกอบด้วยงานใหญ่ 3 โครงการได้แก่ รถไฟฟ้าสีส้ม-สัญญา 1 และสัญญา 2 มูลค่า 1.15 หมื่นล้านบาท และ 1.2 หมื่นล้านบาท และโครงการรถไฟฟ้าสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย งานระบบ M&E มูลค่า 1.96 หมื่นล้านบาท ในเวลาเดียวกัน ทาง CK ยังมีโครงการรอประมูลมูลค่ามากกว่า 2 แสนล้านบาท ทางฝ่ายเชื่อว่าแนวโน้มงานประมูลที่ดีจะเป็นแรงหนุนให้งานเซ็นใหม่ปีนี้เกิน 1 แสนล้านบาท ได้ไม่ยาก ดังนั้นงานในมือน่าจะเพิ่มขึ้นไปถึง 1.3 แสนล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ