GGC คาดกำไรปีนี้ต่ำกว่าปีก่อนจากขาดทุนสต็อกน้ำมัน แม้รายได้โตตามปริมาณขาย

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 31, 2017 18:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.วัลภา โสภิสเขื่อนขันธ์ ผู้จัดการฝ่ายหน่วยงานการเงินและการบัญชี บมจ. โกลบอลกรีนเคมิคอล (GGC) คาดว่า รายได้ปีนี้จะมากกว่าปีก่อนที่ 9,147.91 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตตามปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น หลังภาครัฐมีนโยบายปรับเปลี่ยนสัดส่วนการผสมน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ในน้ำมันเบนซินเพื่อผลิตเป็นไบโอดีเซลเพิ่มเป็น 7% (B7) จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ราว 5% (B5) ประกอบกับความต้องการน้ำมันสกัดจากเมล็ดผลปาล์ม (แฟตตี้แอลกอฮอล์สังเคราะห์) ขยายตัวต่อเนื่อง

แต่ยอมรับว่ากำไรสุทธิในปีนี้จะลดลงจากปีก่อนที่ 936.90 ล้านบาท เนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน และคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังยังจะมีผลขาดทุนดังกล่าวอยู่ โดยการที่จะมีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับนโยบายการใช้ไบโอดีเซลของภาครัฐ และราคาตลาดโลกของน้ำมันสกัดจากเมล็ดผลปาล์ม

สำหรับสัดส่วนรายได้ของบริษัทฯ ในปัจจุบัน แบ่งเป็น ธุรกิจไบโอดีเซลประมาณ 60%, การจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แฟตตี้แอลกอฮอล์สังเคราะห์ อยู่ที่ราว 40% อย่างไรก็ดี ความต้องการของทั้งไบโอดีเซลและแฟตตี้แอลกฮอล์สังเคราะห์ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง

บริษัทมีแผนใช้งบลงทุนราว 500-600 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างโรงงานผลิตกลีเซอรีนบริสุทธิ์ ขนาดกำลังผลิตราว 20,000 ตันต่อปี เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจไบโอดีเซลและสนับสนุนช่องทางสร้างรายได้เพิ่มเติม โดยคาดน่าจะสามารถก่อสร้างเสร็จและเปิดผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงไตรมาส 4/61

นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนโครงการผลิตโอลีโอเคมีชนิดพิเศษ (Specialty Oleochemicals) ซึ่งเป็นโครงการที่จะช่วยลดการพึ่งพาวัตถุดิบนำเข้า และตอบสนองความต้องการผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยน่าจะได้เห็นความชัดเจนในไตรมาส 4/60

ขณะที่โรงงานไบโอดีเซลจะผลิตเพิ่มเป็น 100% จากปี 59 ที่มีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 85% อีกทั้ง GGC จะได้ประโยชน์เพิ่มเติมจากโครงการสกัดน้ำมันเมล็ดในปาล์ม ขนาดกำลังการผลิต 90,000 ตันต่อปี ที่น่าจะเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 4/60 ซึ่งหากทุกอย่างเป็นไปตามที่วางไว้คาดว่าจะช่วยให้สามารถลดต้นทุนการผลิตได้ราว 2-4%ต่อปี

ด้านโครงการเมทิลเอสเทอร์แห่งที่ 2 ขนาดกำลังการผลิต 200,000 ตันต่อปี มูลค่าการลงทุน 1.65 พันล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และมีแผนจะ COD ได้ในไตรมาส 4/61 เพื่อจะช่วยลดต้นทุนการผลิตให้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากโรงงานดังกล่าวที่มีเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ