TPCH มั่นใจอัตรากำไรสุทธิปีนี้ยังใกล้เคียงปีก่อนเชื่อบันทึกกลับสำรองตั๋ว B/E ได้,เล็งชิง SPP Hybrid Firm

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 6, 2017 13:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางกนกทิพย์ จันทร์พลังศรี ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง (TPCH) กล่าวว่า บริษัทมั่นใจว่าอัตรากำไรสุทธิปีนี้จะใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 28.07% แม้ว่าช่วงครึ่งปีแรกจะอยู่ที่เพียง 21.19% เนื่องจากบริษัทจะบันทึกกลับกำไรมูลค่า 20 ล้านบาท จากที่ช่วงไตรมาส 2/60 ที่ผ่านมาบริษัทได้ตั้งสำรองจำนวน 20 ล้านบาทสำหรับตั๋วเงินระยะสั้น (B/E) มูลค่า 50 ล้านบาท ที่เข้าไปลงทุนไว้กับบริษัทจดทะเบียนแห่งหนึ่ง

"ช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาอัตรากำไรสุทธิของบริษัทต่ำลงมา เพราะมีการปรับค่าจ้างสำหรับบริษัทภายนอกที่เข้ามาบริหารและดูแลโครงการ ประกอบกับมีการตั้งสำรองสำหรับตั๋ว B/E มูลค่า 20 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าหากบริษัทดังกล่าวมีแผนการดำเนินงานที่ชัดเจนก็จะสามารถบันทึกกลับมาเป็นกำไรได้ในช่วงไตรมาส 4/60 ซึ่งที่ผ่านมาตั๋ว B/E ที่บริษัทได้เข้าไปลงทุนไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างได มีการจ่ายดอกเบี้ยตามกำหนด ซึ่งบริษัทก็ได้ลงทุน B/E ชุดใหม่ เพื่อแทนของเดิมมาต่อเนื่อง"นางกนกทิพย์ กล่าว

นางกนกทิพย์ กล่าวอีกว่า ช่วงครึ่งปีหลังบริษัทคาดว่าจะสามารถยื่นขอใบอนุญาตขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะที่คาดว่าทางคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จะเปิดให้ยื่นในช่วงปลายปีนี้ กำลังการผลิต 80 เมกะวัตต์ โดยบริษัท สยาม พาวเวอร์ จำกัด ซึ่ง TPCH ถือหุ้นอยู่ 50% จะเป็นผู้เข้ายื่นขอใบอนุญาตดังกล่าว โดยปัจจุบันได้มีการเตรียมพร้อมรองรับการทำโครงการไว้พอสมควร ซึ่งสามารถรองรับกำลังการผลิตได้ 40 เมกะวัตต์

นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมการเพื่อที่จะพิจารณาความคุ้มค่าในการลงทุนของโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในแบบ SPP Hybird Firm ซึ่งหากมีการพิจารณาว่ามีความเหมาะสมในการลงทุนคาดว่าจะสามารถยื่นเข้าร่วมประมูลในเดือนต.ค. นี้ ตามข้อกำหนดของกกพ. โดยปัจจุบันบริษัทได้เตรียมโครงการไว้ในภาคใต้กำลังการผลิต 40 เมกะวัตต์ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กำลังการผลิต 20 เมกะวัตต์ ตลอดจนศึกษาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนหลายรูปแบบ เพื่อการพัฒนาโครงการตามแผนการเข้าซื้อกิจการเพิ่มเติมด้วย ซึ่งจะช่วยผลักดันให้เป้าหมายการมีกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าชีวมวลภายในปี 63 ไว้ที่ 200 เมกะวัตต์

ขณะเดียวกันล่าสุดโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล ปัตตานี กรีน เพาเวอร์ (PTG) กำลังการผลิตติดตั้งขนาด 23 เมกะวัตต์ ได้รับสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) เป็นที่เรียบร้อยแล้วในวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยจำหน่ายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)ในระบบ Adder

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่า ณ สิ้นปีจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมเพิ่มเป็น 60 เมกะวัตต์ หลังในไตรมาส 4/60 โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล สตูล กรีน เพาเวอร์ (SGP) กำลังการผลิตเสนอขาย 9.2 เมกะวัตต์ ที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างจะสามารถเดินเครื่องจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ขณะที่ปัจจุบันมีโรงไฟฟ้าชีวมวลที่เดินเครื่องจ่ายไฟเชิงพาณิชย์แล้ว 5 โครงการ ประกอบด้วย 1.โรงไฟฟ้าชีวมวลช้างแรก ไบโอเพาเวอร์ (CRB) 2.โรงไฟฟ้าชีวมวลแม่วงศ์ เอ็นเนอยี่ (MWE) 3.โรงไฟฟ้าชีวมวลมหาชัย กรีน เพาเวอร์ (MGP) 4.โรงไฟฟ้าชีวมวลทุ่งสัง กรีน (TSG ) และ 5.โรงไฟฟ้าชีวมวล พัทลุง กรีน เพาเวอร์ (PGP)

สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างพัฒนา ประกอบด้วย 1.โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล ปัตตานี กรีน กำลังการผลิตติดตั้งทั้งสิ้นขนาด 23 เมกะวัตต์ โดยจำหน่ายไฟฟ้าให้กฟผ.ในระบบ Adder 2.โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล TPCH 1 ,TPCH 2 และ TPCH 5 กำลังการผลิตติดตั้งรวมทั้งสิ้นขนาด 26.1 เมกะวัตต์ โดยจำหน่ายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ในระบบ Feed-in Tariff (FiT) 3. โครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชน สยาม พาวเวอร์ (SP) กำลังการผลิตติดตั้ง ขนาด 9.5 เมกะวัตต์ โดยจำหน่ายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้านครหลวง(กฟน.) ในระบบ FiT


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ