ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,660.53 จุด เพิ่มขึ้น 1.43 จุด (+0.09%) มูลค่าการซื้อขาย 70,139.20 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยดัชนีฯแตะจุดสูงสุดที่ 1,662.64 จุด และแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,653.41 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 558 หลักทรัพย์ ลดลง 716 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 409 หลักทรัพย์
น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ผันผวนในกรอบทั้งในแดนบวก-ลบ ซึ่งดัชนีฯเคลื่อนไหวไปไม่ไกลเป็นผลจากสถานการณ์คาบสมุทรเกาหลีที่ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด หลังจากเช้าวันนี้เกาเหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธข้ามประเทศญี่ปุ่นไปตกในมหาสมุทรแปซิฟิก
อย่างไรก็ดี ตลาดบ้านเรายังมี Sentiment บวกจากดัชนีดีดตัวขึ้นไปทำ High ในรอบ 23 ปี ทำให้ไม่ได้รับผลลบจากภายนอกประเทศเท่าใดนัก แต่สถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลียังเป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้ยาก ดังนั้น นักลงทุนที่เล่นเทรดดิ้งอยู่ก็ต้องเพิ่มความระมัดระวัง เพราะตลาดฯก็มีโอกาสพักตัวระหว่างทาง แต่ตราบใดที่ดัชนีฯยังยืนเหนือระดับ 1,650 จุดได้ก็ยังถือเป็นบวก เพียงแต่อยู่ท่ามกลางความไม่แน่นอนมาก ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาควันนี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ
พร้อมให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันที่ 19-20 ก.ย.นี้ และการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในสัปดาห์หน้าว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินไปจากเดิมหรือไม่
แนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า น.ส.ธีรดา กล่าวว่า ตลาดฯยังมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นไปต่อได้ หากยังไม่หลุดแนว 1,650 จุดก็ยังเป็น Sentiment บวก แต่ระหว่างทางดัชนีฯอาจพักตัวบ้างจากความไม่แน่นอนในหลายประเด็น
พร้อมให้แนวรับ 1,640 จุด ส่วนแนวต้าน 1,670 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
PRM มูลค่าการซื้อขาย 3,744.57 ล้านบาท ปิดที่ 10.90 บาท ลดลง 0.50 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 3,306.19 ล้านบาท ปิดที่ 214.00 บาท ลดลง 4.00 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,925.03 ล้านบาท ปิดที่ 412.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
SCC มูลค่าการซื้อขาย 2,453.80 ล้านบาท ปิดที่ 504.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,411.65 ล้านบาท ปิดที่ 57.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท