(เพิ่มเติม1) WPH เคาะราคาขาย IPO ที่ 3.90 บาท เปิดจอง 20-22 ก.ย. เข้าเทรด 3 ต.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday September 18, 2017 13:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรัง (WPH) กำหนดราคาเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ที่ราคาหุ้นละ 3.90 บาท เปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 20-22 ก.ย.นี้ คาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หมวดการแพทย์ในวันที่ 3 ต.ค. โดยมี บล.ธนชาต เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

นายแพทย์สมชาย จันทร์สว่าง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WPH กล่าวว่า บริษัทลงนามสัญญาแต่งตั้งให้ บล.ธนชาต เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ของ WPH จำนวน 150 ล้านหุ้น ร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ที่ร่วมจัดจำหน่ายอีก 2 แห่ง ประกอบด้วย บล.ฟินันเซีย ไซรัส และ บล.เคที ซีมิโก้

น.ส.พิมพ์ผกา นิจการุณ กรรกมารผู้จัดการธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์ บล.ธนชาต เปิดเผยว่า การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 150 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาท/หุ้น คิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นสามัญที่เรียกชำระแล้วทั้งหมด ในราคาหุ้นละ 3.90 บาท ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานของบริษัท

ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่า WPH จะได้รับความสนใจเข้ามาจองซื้อจากนักลงทุนอย่างคึกคัก เพราะมีความโดดเด่นในแง่ของวิสันทัศน์ของทีมงานบริหารจนทำให้แบรนด์ “วัฒนแพทย์" มีชื่อเสียงและมีความแข็งแกร่ง ได้รับการยองรับ มีลูกค้ามาใช้บริการจำนวนมาก โดยใช้นโยบายคุณภาพการรักษาพยาบาลและการบริการที่ดีกว่า นอกจากนี้ยังเป็นบริษัทที่มีศักยภาพในการแข่งขันที่ไม่ด้อยไปกว่าคู่แข่ง และมีแผนการขายการเติบโตในอนาคตทั้งการขยายโรงพยาบาลใหม่ การเพิ่มจำนวนเตียง และจำนวนผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้นทั้งชาวไทยและต่างชาติ

นายเชน เหล่าสุนทร รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลฝ่ายการเงิน WPH เปิดเผยว่า การระดมทุนของบริษัทในครั้งนี้บริษัทจะนำเงินไปใช้ตามแผนที่วางไว้ คือ การก่อสร้างโรงพบายาลวัฒนแพทย์ อ่าวนาง จำนวนเตียง 59 เตียง ซึ่งจะเริ่มก่อสร้างภายในไตรมาส 1/61 และจะเริ่มทยอยเปิดให้บริการได้ตั้งแต่ไตรมาส 4/61 และโครงการสร้างอาคารแห่งใหม่ 2 อาคาร และอาคารจอดรถ 300 คัน และปรับปรุงอาคารเดิม ซึ่งจะทำให้จำนวนเตรียงที่ให้บริการเพิ่มขึ้นเป็น 212 เตียง จากปัจจุบันที่ 120 เตียง โดยเงินลงทุนรวมของโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่งราว 800 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทจะนำเงินส่วนหนึ่งไปใช้ในการชำระคืนเงินกู้ยืมสถาบันการเงินที่มีอยู่ราว 200-300 ล้านบาท และจะส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) หลังจากนำเงินไปชำระคืนหนี้สถาบันการเงินแล้วจะลดลงมาอยู่ที่ 0 เท่า จากครี่งปีแรกที่ผ่านมาอยู่ที่ 0.57 เท่า และส่วนที่เหลือจะนำไปใช้เพื่อการขยายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์

ขณะที่คาดว่ารายได้ในปีนี้จะเติบโตต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้โต 15% เป็นเติบโต 3% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 542 ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมที่ค่อนข้างรุนแรงในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ ทำให้ประชาชนมีความระมัดระวังในการใช้เงินมากขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นการเกิดภาวะเงินฝืดในภาคใต้หลังจากปัญหาน้ำท่วมผ่านพ้นไป เพราะประชาชนนำเงินไปใช้ซ่อมแซมบ้านเรือน และการรักษาพยาบาลได้หันไปรักษาในโรงพยาบาลรัฐแทน ทำให้จำนวนผู้เข้ามาใช้บริการในโรงพยาบาลของบริษัทลดลงไปส่วนหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม มองว่ายังมีปริมาณการรักษาชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น สามารถช่วยสนับสนุนให้ผลการเดินเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังให้เติบโตได้ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ อีกทั้งแนวโน้มของอัตราค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก (OPD) ยังมีแนวโน้มที่สูงขึ้นมาอยู่ที่ 1,813 บาท/คน/บิล ในช่วงครึ่งปีแรก จากสิ้นปีก่อนเฉลี่ยอยู่ที่ 1,706 บาท/คน/บิล ซึ่งเป็นผลมาจากความซับซ้อนของโรคที่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทมองว่าตั้งแต่ปี 61 เป็นต้นไป แนวโน้มของผลการดำเนินงานจะกลับมาเติบโตในระดับปกติ ประกอบกับการมีโรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรัง อาคารใหม่ที่รองรับการใช้บริการได้เพิ่มขึ้น และโรงพยาบาลวัฒนแพทย์ อ่าวนาง ที่จะเป็นการขยายกลุ่มลูกค้าไปในจังหวัดกระบี่ และเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากขึ้น จะส่งผลให้รายได้ของบริษัทคาดว่าจะเติบโตได้เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 10% ต่อปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ