SKN เผยยอดจอง IPO เต็ม-สถาบันต่างชาติติดต่อซื้อ ย้ำระดมทุนขยายกำลังผลิต-ลดหนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday September 22, 2017 16:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายทวีชัย ตั้งธนทรัพย์ หัวหน้าฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.ทิสโก้ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บมจ.ส.กิจชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ (SKN) เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้รับการตอบรับจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนทั่วไปอย่างดีในวันเปิดขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 15 และ 18-20 ก.ย. 60

ประกอบกับ ราคาเสนอขายไอพีโอที่ 7.35 บาท/หุ้น ได้รับความสนใจจากนักลงทุนจองซื้อหุ้น IPO เป็นจำนวนมากตั้งแต่วันแรก และปิดจองซื้อโดยได้จำหน่ายทั้งหมดจำนวน 200 ล้านหุ้น พร้อมกับได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุนสถาบันที่เข้ามาจองซื้อ IPO เป็นจำนวนมาก โดยมีนักลงทุนสถาบันต่างชาติ 2-3 รายติดต่อเข้ามาเพื่อจองซื้อหุ้น IPO ของ SKN ทำให้มั่นใจว่า SKN จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่องบนกระดานเทรดวันที่ 26 ก.ย.นี้

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุน จำนวน 1.47 พันล้านบาท จะนำไปใช้ชำระคืนเงินกู้ระยะยาวจำนวน 650-750 ล้านบาท สนับสนุนให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) บริษัทลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากงวดครึ่งปีแรกที่ผ่านมา D/E อยู่ที่ 1.57 เท่า รวมทั้ง นำไปใช้ลงทุนขยายกำลังการผลิต 500 ล้านบาท และส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

นายวิชัย แสงวงศ์กิจ กรรมการผู้จัดการ SKN กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีโรงงานผลิตแผ่นไม้เอ็มดีเอฟแห่งเดียว ตั้งอยู่ที่อำเภอแกลง จังหวัดระยอง มีขนาดที่ดินรวมประมาณ 144 ไร่ 3 งาน 13 ตารางวา มีสายการผลิตเดียว และมีกำลังการผลิตแผ่นไม้เอ็มดีเอฟสูงสุดที่ประมาณ 20,000 ลูกบาศก์เมตร/เดือน หรือประมาณ 240,000 ลูกบาศก์เมตร/ปี ซึ่งตั้งแต่ปี 57 เป็นต้นมา โรงงานมีอัตราการใช้กำลังผลิตเฉลี่ยอยู่ในระดับสูงมาโดยตลอด และปัจจุบันได้ใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 80-90% ของกำลังการผลิตในปัจจุบัน ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นของลูกค้า โดยกำลังการผลิตในปัจจุบันถือว่าอยู่ในระดับเกือบเต็มที่แล้ว ในไตรมาส 2/60 มีกำลังการผลิตแตะที่ระดับ 90% ทำสถิติสุดตั้งแต่เริ่มธุรกิจมา

ขณะที่ทิศทางการเติบโตของแผ่นไม้เอ็มดีเอฟในตลาดโลกเติบโตเฉลี่ยมากกว่า 11% สูงกว่าการเติบโตของแผ่นไม้ทดแทนธรรมชาติในรูปแบบอื่นๆ ที่เติบโตเพียง 4% ขณะที่ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกแผ่นไม้เอ็มดีเอฟชั้นนำ ดังนั้น เพื่อรับโอกาสการเติบโต บริษัทได้ขยายกำลังการผลิตในพื้นที่โรงงานเดิม โดยภายหลังการระดมทุนครั้งนี้จะสนับสนุนให้บริษัทมีกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 500,000 ลูกบาศก์เมตร/ปี พร้อมรับออเดอร์ที่ไม่สามารถรับได้ในปัจจุบัน และขยายตลาดขยายฐานลูกค้าใหม่เพิ่มเติม รวมทั้ง ลดความเสี่ยงจากเดิมที่มีสายการผลิตเดียว อีกทั้งบริษัทมองถึงแนวโน้มของอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิในปี 60 คาดว่าจะอยู่ที่กว่า 30% และกว่า 10-20% ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่าอุตสาหกรรม สำหรับสายการผลิตใหม่ที่เพิ่มเข้ามาคาดว่าจะสามารถดำเนินการผลิตเพื่อส่งออกได้ภายในไตรมาส 3/61

นอกจากนี้บริษัทมีการลงทุนเพื่อปรับปรุงระบบฉีดกาว ซึ่งเป็นหนึ่งในวัตถุดิบสำคัญของบริษัท ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จไตรมาส 4/60 สนับสนุนให้บริษัทฯ สามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ดียิ่งขึ้น โดยภายหลังการระดมทุนครั้งนี้จะยิ่งเพิ่มโอกาสในการต่อยอดไปสู่ธุรกิจอีกมากมาย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ