นายปิยะพงศ์ พินธุประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ เรียล เอสเตท แมเนจเม้นท์ จำกัด (WHAREM) ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ของทรัสต์ เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (WHART) เปิดเผยถึงกรณีกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม แฟคทอรี่แอนด์เฮ้าส์ ฟันด์ (WHAPF) เข้ารวมกับ กอง WHART จะแล้วเสร็จภายในเดือน พ.ย. 60 นี้
การควบรวมดังกล่าวจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีราว 300-400 ล้านบาท และเป็นการเพิ่มศักยภาพความแข็งแกร่งและความมั่นคง ให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนมากขึ้น เนื่องจากการรวมเข้าด้วยกันจะส่งผลให้กอง WHART ภายหลังการแปลงสภาพ มีมูลค่าของทรัพย์สินเพิ่มขึ้น มีการกระจายความเสี่ยงที่ดีขึ้น และเป็นกองทรัสต์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยมีขนาดพื้นที่เช่ารวมทั้งหมด 970,000 ตารางเมตร
และหลังจากรวมกองทุนแล้วเสร็จ ผลตอบแทนจะอยู่ใกล้เคียงเดิมหรือปรับตัวขึ้นเล็กน้อยที่ 6-8% โดยทั้ง 2 กอง มีอัตราการเช่าที่ค่อนข้างดี และเชื่อว่าจะรักษาให้อยู่ในระดับที่ไม่ต่ำกว่า 90% ต่อเนื่อง และมีการปรับขึ้นค่าเช่าที่ 1-2% ต่อปี
สำหรับอัตราการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนกับหน่วยทรัสต์ (Swap Ratio) ในครั้งนี้จะใช้อัตรา 1 หน่วยลงทุนของ WHAPF ต่อ 1.0562 หน่วย WHART โดยผู้ที่ถือหน่วยลงทุนของ WHARF จะได้รับเงินปันผลพิเศษมูลค่ารวมราว 64 ล้านบาทก่อนที่จะมีการรวมกองทุนเข้าด้วยกัน
นายปิยะพงศ์ กล่าวว่า การเข้าทำรายการแปลงสภาพกองทุนรวม WHAPF เข้ารวมกับ WHART จะทำให้กองทรัสต์สามารถกู้ยืมได้เพิ่มเติม เนื่องจากเดิมกองทุนรวม WHAPF มีข้อจำกัดในการกู้ยืมได้ไม่เกิน 10% ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ ในขณะที่กอง WHART สามารถกู้ได้สูงถึง 35% ของมูลค่าสินทรัพย์รวม การดำเนินการตามแผนแปลงสภาพดังกล่าวทำให้กอง WHART สามารถบริหารจัดการลงทุนโดยใช้หนี้สินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
บริษัทตั้งเป้าที่ซื้อสินทรัพย์เข้ากองทุนมูลค่าราว 3,000-5,000 ล้านบาท โดยจะเป็นการซื้อจาก บมจ. ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) เป็นหลัก ซึ่งสินทรัพย์ที่มีอยู่ใน WHA ปันจุบันยังสามารถขยายกองได้ในระยะเวลาอีก 2-3 ปี และยังมีการพัฒนาสินทรัพย์ใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกัน บริษัทยังศึกษาการซื้อสินทรัพย์ในต่างประเทศเพิ่มเติม แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถกำหนดระยะเวลาได้ เนื่องจากปัจจุบันผลตอบแทนในประเทศยังค่อนข้างสูง ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาได้เข้าไปศึกษาทั้งคลังสินค้าและโรงงานให้เช่าในอินโดนีเซีย ญี่ปุ่น และอังกฤษ
อย่างไรก็ตาม ภายหลังการแปลงสภาพกองทุนรวม WHAPF เข้ากับกองทรัสต์ WHART แล้วเสร็จ ทางกองทรัสต์ WHART จะดำเนินการซื้อสินทรัพย์เข้ากองทุนเพิ่มเติม จำนวน 4 โครงการ มูลค่าไม่เกิน 3,090 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการ WHA Mega Logistics Center (ชลหารพิจิตร กม.3) ,โครงการ WHA Mega Logistics Center (ถนนบางนา-ตราด กม.19) ,โครงการ WHA Mega Logistics (ลำลูกกา) และโครงการ Omada Aerospace Factory (ระยอง) โดยจะใช้เงินจากการกู้ยืม และเงินประกันการเช้าและการบริการที่ได้รับจากกองทุนรวม WHAPF และ WHA GRUP บางส่วน