นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ยังได้รับ Sentiment เชิงบวก หลังจากนายกรัฐมนตรีประกาศจะมีการประกาศวันเลือกตั้งในเดือน มิ.ย. 61 และจะจัดการเลือกตั้งในเดือน พ.ย. 61 รวมทั้งปัจจัยหนุน Fund flow ต่างชาติ ซึ่งมีแนวโน้มไหลเข้ามาต่อเนื่อง ตามภาวะเศรษฐกิจไทยที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นในช่วงนี้เป็นบวกต่อกลุ่มพลังงาน โดยประเมินแนวโน้มเคลื่อนไหวของดัชนีในกรอบ 1,690-1,730 จุด
ทั้งนี้ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่ต้นปีให้ผลตอบแทนประมาณ 11% ประกอบกับในสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นยืนเหนือระดับ 1,700 จุด ได้หลังมีความชัดเจนเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ซึ่งเอื้อต่อผลการดำเนินงานของกองทุน
โดยภาพสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกยังได้รับอานิสงส์การเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้น โดยทิศทาง Dollar Index ที่อ่อนค่าลงอาจเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เม็ดเงินลงทุนยังไหลไปยังภูมิภาคอื่นๆ อาทิ ตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ (Emerging Market) รวมทั้งตลาดหุ้นในเอเชียที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มเติบโตขึ้นจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
“ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนยังเป็นปัจจัยหนุน Fund Flow ไปยังตลาดหุ้นอื่น โดยบริษัทคงมุมมองเชิงบวก ต่อตลาดหุ้นยุโรปที่มีเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นอย่างแกร่ง ขณะที่ผลกระทบจากความไม่สงบในสเปนอยู่ในกรอบที่จำกัด อย่างไรก็ดี สัปดาห์นี้ นักลงทุนต้องติดตามการเลือกตั้งของประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 22 ต.ค.นี้ ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่านายชินโซ อาเบะ จะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ แม้ว่าอาจได้รับคะแนนเสียงลดลงก็ตาม รวมถึง การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนในวันที่ 18-25 ต.ค.นี้ ถึงนโยบายและมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้ระดับสูงและภาคอสังหาริมทรัพย์"นายพจน์กล่าว
คณะกรรมการฯ มีมติประกาศจ่ายปันผล 2 กองทุน ได้แก่ กองทุน วรรณ อีควิคตี้ฟันด์ (ONE-EC14) จากกำไรสุทธิของผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 พ.ค.60- 30 ก.ย. 60 ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.5975 บาท และ กองทุนเปิด วรรณเอเอ็มซีเล็คทีฟหุ้นระยะยาว (1S-LTF) จากกำไรสุทธิของผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 ต.ค. 59 -30 ก.ย. 60 ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.54 บาท โดย ทั้ง 2 กองทุนได้กำหนดปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยเพื่อรับเงินปันผลวันที่ 20 ต.ค. 60 ซึ่งจะมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 2 พ.ย. 60