PwC คาดมาตรฐานบัญชีใหม่กระทบรายได้ บจ.ลดลงทั้งหมด-D/E พุ่ง ตั้งแต่เริ่มบังคับใช้ในปี 62

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 18, 2017 15:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชาญชัย ชัยประสิทธิ์ หุ้นส่วนสายงานตรวจสอบบัญชี บริษัท PwC ประเทศไทย เปิดเผยว่า มาตรฐานบัญชีใหม่ที่จะเริ่มทยอยใช้ตั้งแต่ปี 62 เป็นต้นไป จะส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด ซึ่งในภาพรวมจะทำให้มีรายได้ลดลง เพราะเปลี่ยนแปลงวิธีการบันทึกรายได้เป็นการหักค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในอนาคตจากกิจกรรมทางการตลาดและการทำโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย รวมถึงค่าความเสี่ยงของการคืนสินค้าจากลูกค้า ซึ่งการบันทึกจะต้องหักจากราคาขายสินค้าเข้ามาเป็นรายได้ จากเดิมที่บันทึกราคาขายสินค้าเข้ามาทั่งหมด และค่าใช้จ่ายต่างๆในการส่งเสริมการขายจะยังไม่บันทึกในวันที่ขาย ซึ่งการบันทึกรายได้ตามมาตรฐานบัญชีใหม่จะสะท้อนรายได้ที่แท้จริงจากการดำเนินงาน

อีกทั้งยังมีการปรับปรุงการบันทึกสัญญาเช่าประเภท Operating lease ที่ปัจจุบันไม่ได้มีการบันทึกเป็นหนี้สิน ทำให้บริษัทจดทะเบียนหลายรายที่ใช้การเช่าสินทรัพย์ประเภทเครื่องและอุปกรณ์ในการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างรายได้ใช้เป็นช่องทางในการเพิ่มอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (ROA) ให้เพิ่มขึ้น เช่น ธุรกิจสายการบินที่มีสัญญาเช่าเครื่องบินจำนวนมาก และธุรกิจผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือที่มีสัญญาเช่าเสาสัญญาณเป็นจำนวนมากกว่า 10,000 สัญญา โดยหากบันทึกรายการดังกล่าวเข้ามาเป็นหนี้สินแล้ว จะทำให้ธุรกิจมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) เพิ่มขึ้นอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม มองว่าปัจจัยดังกล่าวจะทำให้ D/E เพิ่มขึ้น แต่จะไม่ส่งผลกระทบต่อการพิจารณาสินเชื่อจากสถาบันการเงินมากนัก เพราะสถาบันการเงินส่วนใหญ่พิจารณาการให้สินเชื่อจากผลการดำเนินงานและกระแสเงินสดของบริษัท อีกทั้งสถาบันการเงินไทยถือว่าเป็นประเทศที่มีความเข้มงวดในการให้สินเชื่อ เพราะกำหนด D/E ของบริษัทจะต้องอยู่ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 2:1 เท่าทุกวินาที เมื่อเทียบกับสถาบันการเงินประเทศอื่นในโลกที่กำหนด D/E เมื่อขอสินเชื่อให้อยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 2:1 เท่า

ขณะเดียวกัน ยังมีการปรับปรุงการบันทึกการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่ต้องจากการคาดการณ์ไปยังอนาคตทันที ทำให้อาจจะเกิดผลกระทบต่อกำไรเกิดขึ้น แม้ว่าลูกหนี้จะยังไม่ผิดชำระหนี้ในปัจจุบันก็ตาม ซึ่งจากเดิมที่ใช้การบันทึกตามกรอบระยะเวลา ทั้งนี้การปรับปรุงมาตรฐานบัญชีใหม่แม้ว่าจะมีผลกระทบต่องบการเงินของบริษัทจดทะเบียน แต่ปัจจุบันแนะนำให้บริษัทจดทะเบียนรวมรวบข้อมูลงบการเงิน 3 ปีย้อนหลังเพื่อนำมาเปรียบเทียบและสื่อสารกับนักลงทุนให้เกิดความเข้าใจ

“การเปลี่ยนไปสู่มาตรฐานบัญชีใหม่เป็นสิ่งที่บริษัทจดทะเบียนทุกบริษัทจะต้องทำ เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และสะท้อนผลการดำเนินงานที่แท้จริงออกมา ซึ่งปัจจุบันบริษัทขนาดใหญ่เริ่มปรับเปลี่ยนและเตรียมตัวกันแล้ว แต่บริษัทขนาดกลางและเล็กเพิ่งเริ่มเข้ามาศึกษา หากเริ่มใช้จริงแล้วงบการเงินยังไม่เป็นไปตามมาตรฐานบัญชีใหม่ ผู้สอบบัญชีจะรองรับแบบมีเงื่อนไข"นายชาญชัย กล่าว

นอกจากนี้ PwC มีข้อสังเกตเกี่ยวกับบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทยส่วนใหญ่ยังมีการดำเนินธุรกิจแบบครอบครัว ซึ่งมีการแทรกแซงและเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้การทำงานของผู้บริหารและทีมงานไม่เป็นอิสระ ทำให้เกิดความไม่โปร่งใสและผิดหลักธรรมาภิบาล โดยปัจจุบันการบริหารธุรกิจให้เกิดความโปร่งใสควรให้ผู้บริหารและทีมงานมีการทำงานที่เป็นอิสระ เพื่อให้เกิดการทำงานอย่างประสิทธิภาพและโปร่งใสมีธรรมาภิบาล ทำให้บริษัทมีความน่าเชื่อถือ โดยจะสามารถส่งเกตได้จากผู้บริหารที่เข้ามาทำงานและกระแสเงินสดของบริษัท

“การเติบโตของบริษัทจดทะเบียนจะต้องมีการลงทุนเพื่อต่อยอดธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโตและความยั่งยืนของธุรกิจ ซึ่งการเติบโตในปัจจุบันมี 2 แนวทาง คือ การเสนอขาย IPO และการทำ M&A ที่เป็นการวิธีการที่ผลักดันการขยายกิจการและทำให้มีการลงทุนต่อยอดธุรกิจ"นายชาญชัย กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ