นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะรีบาวด์ได้หลังจากที่ร่วงแรงเมื่อวานนี้ โดยตลาดฯยังอาจได้แรงหนุนจากตลาดต่างประเทศที่ต่างปรับตัวขึ้นกัน โดยเช้านี้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวก เช่นเดียวกับดาวโจนส์ที่ปรับตัวขึ้นกว่า 160 จุดเมื่อคืนที่ผ่านมา อันเป็นผลจากหุ้น IBM ขึ้น 9% ซึ่งก็มองว่าเป็นแค่ Sentiment
อย่างไรก็ดี ให้ติดตามทิศทาง Fund Flow หลังนักลงทุนต่างชาติ และนักลงทุนสถาบันที่ยังขายทำกำไรอยู่ แต่เชื่อว่าดัชนีฯคงจะแกว่งแถวบริเวณ 1,700 จุด
นอกจากนี้ วันนี้เงินบาทแข็งค่าอาจจะทำให้ชะลอแรงขายได้ และราคาน้ำมันก็รีบาวด์ขึ้นด้วย ดังนั้นการ take profit อาจเป็นแค่ระยะสั้น พร้อมให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของกลุ่มแบงก์ โดยวันนี้จะมี BBL, KTB, SCB ประกาศงบฯออกมา ซึ่งถ้าออกมาดีกว่าคาดก็จะช่วยหนุนตลาดฯได้
พร้อมให้แนวรับ 1,700 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,713 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (18 ต.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,157.60 จุด เพิ่มขึ้น 160.16 จุด (+0.70%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,624.22 จุด เพิ่มขึ้น 0.56 จุด (+0.01%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,561.26 จุด เพิ่มขึ้น 1.90 จุด (+0.07%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 86.99 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 7.15 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 72.09 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 25.49 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 2.81 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 11.39 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.86 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 9.63 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (18 ต.ค.60) 1,707.53 จุด ลดลง 16.94 จุด (-0.98%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,643.78 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 ต.ค.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (18 ต.ค.60) ปิดที่ระดับ 52.04 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 16 เซนต์ หรือ 0.3%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (18 ต.ค.60) ที่ 7.37 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.14 ทิศทาง sideway รอความชัดเจนการเลือกประธานเฟดคนใหม่
- ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทยเดือนกันยายน 2560 ว่าดัชนีความเชื่อมั่นอยู่ที่ 86.7 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคมอยู่ระดับ 85 นับเป็นการปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 6 เดือนนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2560 เนื่องจากภาคการส่งออกที่ช่วงไตรมาสสุดท้ายยังมีทิศทางขยายตัว ประกอบกับแรงซื้อในประเทศเริ่มดีขึ้น
- ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ในเดือน ต.ค.นี้ กระทรวงการคลังจะปรับประมาณการเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นจากเดิม 3.6% คาดว่าจะปรับเพิ่มใกล้เคียงกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่คาดการณ์ล่าสุดเศรษฐกิจจะขยายตัวได้ 3.8% และของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 3.7%
- เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า มติที่ประชุม กสทช. ครั้งที่ 11/2560 วันที่ 18 ต.ค. 2560 เห็นชอบแนวทางลดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์
- ผลประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ที่สหรัฐอเมริกา มีสาระสำคัญซึ่งไอเอ็มเอฟได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 60 เพิ่มจาก 3.2% เป็น 3.7% และได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจของปี 61 ขยายตัวจาก 3.3% เป็น 3.5% นอกจากนี้ยังได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจโลกในปีนี้เพิ่มเป็น 3.6% และปี 61 เป็น 3.7% ซึ่งเป็นผลจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวจากการเติบโตของการลงทุน การค้าระหว่างประเทศ และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ นอกจากนี้ เวิลด์แบงก์และไอเอ็มเอฟได้เรียกร้องให้รัฐบาลของประเทศสมาชิกเร่งปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจ สังคม และกฎระเบียบภายในประเทศ เพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนและทั่วถึง
*หุ้นเด่นวันนี้
- EIC-W4 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ.อุตสาหกรรม อีเล็คโทรนิคส์ (EIC)) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 1,097,498,959 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 0.15 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (21 กันยายน 2560) ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 31 ต.ค. 2560 ส่วนวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 20 ก.ย. 2561
- TCAP (ทรีนีตี้) "ซื้อ"เป้า 58.50 บาท ประกาศกำไร 3Q60 ที่ 1,788 ล้านบาท ดีขึ้น 7%QoQ และ 19%YoY ดีกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้าเล็กน้อย โดยทั้งรายได้ดอกเบี้ยและรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเติบโตได้ดี ส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานปรับตัวลง ธนาคารจึงตั้งสำรองในระดับสูงเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง ทั้งนี้คาดว่าในไตรมาสสุดท้ายจะยังเห็นกำไรโดดเด่นต่อเนื่อง
- ICHI (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 9 บาท คาดกำไร 3Q60 +86.7% Q-Q, +425% Y-Y อยู่ที่ 168 ลบ. จากฐานที่ต่ำ และตลาดส่งออกขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งชดเชยรายได้ในประเทศที่ยังไม่สดใสได้ทั้งหมด ขณะที่ อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากการลดโปรโมชั่น โดยปรับเพิ่มกำไรสุทธิปี 2560 ขึ้น 12% เป็นโต 28.5% Y-Y และคาดโตต่อเนื่องอีก 20.4% ในปี 2561
- BH (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 245 บาท คาดกำไรปกติ 3Q60 +8.8% Q-Q, +9.1% Y-Y โดยรายได้จะเร่งตัวขึ้นจาก 1H60 เพราะอานิสงส์ของ High Season และผู้ป่วยต่างชาติค่อยๆ ฟื้นตัว ส่วนความสามารถในการทำกำไรยังอยู่ในระดับสูงจากการควบคุมต้นทุนที่เป็นเลิศ Ffpคงประมาณการกำไรปกติปี 2560-2561 โต 7% Y-Y และ 8.6% Y-Y ตามลำดับ
- AQUA (ยูโอบี เคย์เฮียน) ราคาหุ้นน่าสนใจจาก 1) มีการรับรู้กำไรจากอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น 2) การรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก YoY จากโรงไฟฟ้าใหม่ที่เข้ามาในไตรมาส 2/60 และ 3) ผลการดำเนินงานของธุรกิจป้ายโฆษณานอกบ้านที่คาดว่าจะปรับดีขึ้นหลังรวมงบของ Broadway ที่ซื้อมาในครึ่งปีแรก และ 4) Valuation ที่น่าสนใจเมื่อรวมมูลค่าของหุ้น EPCO (ถือ 38.4%)