นายเชน เหล่าสุนทร รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลฝ่ายการเงิน บมจ.โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรัง (WPH) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างมองหาการเข้าซื้อกิจการ (M&A) โรงพยาบาลในพื้นที่ใกล้เคียงกับโรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรัง ในรัศมีไม่เกิน 300-400 กิโลเมตร โดยปัจจุบันได้หารืออยู่ 3-4 แห่ง เป็นโรงพยาบาลที่มีขนาดไม่เกิน 100 เตียง แต่อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถกำหนดระยะเวลาการสรุปดีลได้ เนื่องจากต้องมองความเหมาะสมของพื้นที่ตั้ง และราคาเพื่อให้เหมาะสมกับการเข้าลงทุน
สำหรับความคืบหน้าโครงการขยายคลินิกเวชกรรมอินเตอร์เนชั่นแนล อ่าวนาง จังหวัดกระบี่ เป็น “โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ อ่าวนาง ขนาด 59 เตียงนั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างโครงสร้างอาคารบริการผู้ป่วยบริเวณชั้น 3 แล้ว และคาดว่าจะวางระบบภายในต่าง ๆในช่วงต้นปี 61 ทำให้งานในเฟสแรกจะก่อสร้างแล้วเสร็จตามกำหนดอย่างแน่นอน และคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการแก่ประชาชนได้ในช่วงไตรมาส 4/61
ทั้งนี้ หลังจากที่บริษัทได้เงินจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) บริษัทได้นำเงินบางส่วนไปชำระเงินกู้สถาบันส่งผลให้ไม่มีหนี้สินเหลืออยู่เลย หรือมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) เป็น 0 ทำให้บริษัทประหยัดค่าดอกเบี้ยจ่ายได้ราว 5 แสนบาท/เดือน
"เราได้นำเงินที่ได้จากการขาย IPO บางส่วนไปชำระหนี้ทั้งหมด เพื่อที่จะรองรับการลงทุนใหม่ ๆ ซึ่งหากมีเข้าซื้อกิจการบริษัทก็จะมีความพร้อมทันที โดยบริษัทตั้งเป้าที่จะรักษาระดับ D/E ที่ไม่เกิน 1 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่เหมาะสมกับธุรกิจโรงพยาบาล"นายเชน กล่าว
นายเชน กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานในปีนี้ กำไรสุทธิคงจะทำได้ต่ำกว่าระดับ 72 ล้านบาทในปีก่อน และคาดว่ารายได้จะทรงตัวจากปีก่อนที่อยู่ระดับ 542 ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมใหญ่ในภาคใต้เมื่อปลายปี 59 ทำให้ประชาชนใช้เงินในการซ่อมแซมบ้านเป็นหลัก ประกอบกับโรงพยาบาลมีค่าใช้จ่ายในการเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรรองรับการสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่
อย่างไรก็ตามมองว่าผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/60 จะกลับมาเติบโตได้ค่อนข้างมาก และทำได้ดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากเข้าสู่ฤดูการท่องเที่ยว ซึ่งจะทำให้ลูกค้าชาวต่างชาติเข้ามาใช้บริการมากขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัวทำให้ประชาชนเข้ามาใช้บริการในโรงพยาบาลมากขึ้น
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 61 นั้น คาดว่าผลประกอบการจะดีกว่าปีนี้ เนื่องจากหลังจากนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯแล้ว ก็จะกลับมาเน้นการพัฒนาบุคลากร และเน้นกลยุทธ์ทางการตลาดมากขึ้น ขณะเดียวกันอยู่ระหว่างศึกษาการเปิดการแพทย์เฉพาะทางมากขึ้น โดยจะเน้นโรคที่ไม่สามารถรอเวลาได้ต้องมีการรักษาในทันที เช่น โรคหัวใจ และโรคที่เกี่ยวกับสมอง เป็นต้น
นอกจากนี้ยังจะเน้นผู้ป่วยที่เป็นชาวต่างชาติมากขึ้น เนื่องจากให้มาร์จิ้นที่ค่อนข้างดี โดยปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศอยู่ 16% และมีสัดส่วนรายได้จากในประเทศ 84% ซึ่งเป็นสัดส่วนรายได้ที่มาจากการใช้สิทธิประกันสุขภาพ 65% และ เงินสด 35%
“เราจะรักษาความได้เปรียบที่เราเป็นโรงพยาบาลเล็ก และสามารถเคลื่อนไหวได้เร็ว ทั้งกลยุทธ์ทางการตลาด และความชำนาญในตลาดท้องถิ่น นอกจากนี้เรายังเพิ่มการแพทย์เฉพาะทางเพื่อให้การรักษาผู้ป่วยได้ครอบคลุมยิ่งขึ้นด้วย"นายเชน กล่าว