ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,701.47 จุด ลดลง 0.46 จุด (-0.03%) มูลค่าการซื้อขาย 52,037.17 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยดัชนีฯแตะจุดสูงสุดที่ 1,707.87 จุด และแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,696.66 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 552 หลักทรัพย์ ลดลง 785 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 410 หลักทรัพย์
นายสุโชติ ถิรวรรณรัตน์ ผู้จัดการฝ่ายวิจัย บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้เป็นภาพของการพักฐานต่อเนื่อง แต่ในแง่ปัจจัยพื้นฐานไม่ได้มีอะไรเป็นลบ ขณะที่ปัจจัยจากต่างประเทศก็ดี หลังจากที่มีความชัดเจนในตัวประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่แล้ว และตลาดฯยังมองบอกต่อว่านโยบายการเงินของเฟดคงจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก รวมถึงแผนปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯก็ได้มีการยื่นมาแล้วซึ่งเป็นไปตามคาด ภายหลังจากที่ทั้งสองอย่างออกมาก็ทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลง ขณะที่เงินบาทแข็งค่าขึ้น ซึ่งส่งผลให้จำกัดการไหลออกของ Fund Flow ได้บ้าง
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ต้นปีถึงล่าสุดจะเห็นได้ว่าการนักลงทุนต่างชาติได้เริ่มกลับมาเป็นขายสุทธิแล้ว ทำให้เห็นได้ว่า Downside เริ่มจำกัด ส่วนปัจจัยในประเทศก็ไม่มีอะไรมากนัก เพราะเศรษฐกิจก็ดีขึ้น และยังจะมีความมคาดหวังจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะออกมาในช่วงปลายปีนี้ด้วย ส่วนผลประกอบการไตรมาส 3/60 ของบริษัทจดทะเบียน แม้ว่า SCC และ PTTEP จะมีงบฯออกมาไม่ค่อยดี ทำให้เกิดการพักฐาน แต่บริษัทอื่นของกลุ่ม PTT คาดว่าน่าจะออกมาดี ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มโรงกลั่น และปิโตรเคมี ซึ่งทำให้เป็นการจำกัด Downside ของตลาดฯ
ส่วนแนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า คาดว่าตลาดฯคงจะแกว่งไซด์เวย์ ซึ่งก็ต้องดูว่าจะพักฐาน หรือจะขึ้นต่อ โดยมีแนวรับที่สำคัญอยู่ที่ 1,695 จุด ซึ่งถ้าดัชนีฯลงต่ำกว่านี้ก็อาจทำให้เกิดการพักฐานได้ แต่ถ้ายืนได้เหนือกว่าตลาดฯก็มีโอกาสที่จะแกว่ง Sideway up ได้ ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,730 จุด
สำหรับปัจจัยที่จะต้องติดตามในสัปดาห์หน้า ให้ติดตามการทยอยประกาศงบฯเป็นหลัก ส่วนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในสัปดาห์หน้าก็ไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายอะไร
ด้านนายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเชีย พลัส เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ยังอยู่ในช่วงของการปรับฐาน แต่ช่วงการเหวี่ยงแคบลงเนื่องจากแรงขายลดลง และเริ่มเห็นเม็ดเงินจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) เข้ามาซื้อบ้างแล้ว นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลดีต่อตลาด อาทิ มาตรการช็อปช่วยชาติ รวมถึงแผนกระตุ้นการลงทุนของภาครัฐฯ
ส่วนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของประเทศต่าง ๆ คาดว่าจะเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะสหรัฐฯคาดว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้จนถึงเดือน ธ.ค.60
สำหรับภาวะตลาดภูมิภาคเอเชียวันนี้แกว่งตัวบวก-ลบเล็กน้อย และเคลื่อนไหวในกรอบแคบ เนื่องจากไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาเพิ่มเติม
ขณะที่คาดการณ์ว่าในสัปดาห์หน้าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะยังคงแกว่งตัวอยู่ในกรอบ มี downside จำกัด และมีแนวโน้มจะขยับขึ้น พร้อมให้กรอบการเคลื่อนไหวที่ 1,690-1,725 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 2,508.03 ล้านบาท ปิดที่ 184.50 บาท ลดลง 3.00 บาท
DTAC มูลค่าการซื้อขาย 1,661.33 ล้านบาท ปิดที่ 44.75 บาท ลดลง 1.00 บาท
TRUE มูลค่าการซื้อขาย 1,532.36 ล้านบาท ปิดที่ 5.70 บาท ลดลง 0.15 บาท
SCC มูลค่าการซื้อขาย 1,522.63 ล้านบาท ปิดที่ 480.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,521.63 ล้านบาท ปิดที่ 416.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง