FETCO เผยดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุน 3 เดือนข้างหน้าพุ่งเป็นเดือนที่สองจาก ศก.ไทยฟื้นตัว

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 6, 2017 14:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสันติ กีระนันทน์ ผู้แทนสภาธุรกิจตลาดทุนไทย(FETCO) เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ประจำเดือน พ.ย.60 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (ม.ค.61)อยู่ที่ 165.77 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ในภาวะร้อนแรงอย่างมากเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน จากความเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะภาคการส่งออกและภาคการท่องเที่ยวที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ นโยบายทางการเงินของรัฐ และอัตราแลกเปลี่ยน เป็นปัจจัยที่นักลงทุนเฝ้าติดตาม สำหรับตลาดหุ้นไทย ดัชนีฯยังมีการปรับตัวในทิสทางที่เพิ่มขึ้นในช่วงเดือนต.ค.

ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยกลุ่มบัญชีนักลงทุนต่างประเทศ กลุ่มสถาบันภายในประเทศ และกลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับตัวขึ้นอยู่ที่ระดับร้อนแรงอย่างมาก ชณะที่กลุ่มนักลงทุนรายบุคคลปรับเพิ่มขึ้น โดยอยู่ในระดับร้อนแรง

ทั้งนี้ หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุดคือ หมวดการท่องเที่ยวและสันทนาการ (Tourism) ส่วนหมวดสื่อและสิ่งพิมพ์ (MEDIA) เป็นหมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด และปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ ภาวะเศรษฐกิจในประเทศ ขณะที่ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ

"ภาวะการลงทุนในเดือน ต.ค. ตลาดหุ้นไทยยังคงมีทิศทางปรับเพิ่มขึ้นโดยมาอยู่ที่ระดับ 1,700 จุด ซึ่งเป็นผลมาจากความเชื่อมั่นจากการเติบโตทางเศรษฐกิจภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับปัจจัยต่างประเทศ ภาวะการลงทุนในช่วงที่ผ่านมา ตลาดหุ้นของสหรัฐยังมีการเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์อย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยหนุนจากความคืบหน้าของแผนปฏิรูปภาษี และผลประกอบการของบริษัทในสหรัฐ"นายสันติ กล่าว

ภาวะการลงทุนในยุโรป ได้รับผลดีจากการขยายระยะเวลาการทำ QE ไปจนถึงเดือน ก.ย.61 และยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อไป และภาวะเศรษฐกิจในเอเชีย ได้แก่ ญี่ปุ่นและจีน ที่คาดว่าจากการที่นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นชนะการเลือกตั้งอีกสมัยทำให้จะยังคงสามารถคงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป

รวมถึงจากการประชุมสมัชชาใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์ของจีน ทำให้คาดว่าจะมีความต่อเนื่องทางนโยบายทางเศรษฐกิจต่อไปจากประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ทั้งนี้ความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างประเทศในคาบสมุทรเกาหลียังเป็นปัจจัยที่นักลงทุนเฝ้าติดตาม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ