ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,711.74 จุด เพิ่มขึ้น 10.27 จุด (+0.60%) มูลค่าการซื้อขาย 53,469.06 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยดัชนีฯแตะจุดสูงสุดที่ 1,713.08 จุด และแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,695.67 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 743 หลักทรัพย์ ลดลง 604 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 387 หลักทรัพย์
นางสาวธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยค่อนข้างผันผวน โดยช่วงเช้าดัชนีปรับลดลงไป 5-6 จุด แต่ในช่วงบ่ายกลับดีดตัวเป็นบวกได้แรง ซึ่งบ่งชี้ถึงความเปราะบางของตลาด หลังจากก่อนหน้านี้เผชิญปัจจัยลบก็ทำให้มีแรงขายออกมามาก แต่เมื่อไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาก็ทำให้มีแรงซื้อกลับ ประกอบกับตลาดได้ปัจจัยจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ ทำให้หนุนการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน
รวมถึงความคาดหวังจากมาตรการช็อปช่วยชาติที่คาดว่าจะเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันพรุ่งนี้ ตลอดจนแรงซื้อของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี่ยงชีพ (RMF) ที่เข้ามาในช่วงปลายปี ก็เข้ามาช่วยหนุนภาพรวมการลงทุน
สำหรับปัจจัยจากต่างประเทศนั้น คงต้องติดตามการเยือนประเทศในแถบภูมิภาคเอเชีย ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ หลังจากที่ได้เดินทางมาเยือนญี่ปุ่นตั้งแต่เมื่อวานนี้ และจะเดินทางต่อไปยังเกาหลีใต้ในวันพรุ่งนี้
ส่วนแนวโน้มการซื้อขายวันพรุ่งนี้ คาดว่าดัชนีหุ้นไทยจะยังเคลื่อนไหวในกรอบ Sideway โดยต้องติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/60 ของบรัษัทจดทะเบียนในช่วงสัปดาห์นี้ และการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 8 พ.ย. ซึ่งในเบื้องต้นตลาดคาดการณ์ว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับเดิมต่อไป โดยให้แนวต้านระดับ 1,710-1,720 จุด ส่วนแนวรับที่ 1,700 จุด และ 1,690 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 2,751.47 ล้านบาท ปิดที่ 91.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,448.60 ล้านบาท ปิดที่ 58.00 บาท ลดลง 0.50 บาท
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 2,048.51 ล้านบาท ปิดที่ 186.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,793.75 ล้านบาท ปิดที่ 422.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท
PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 1,324.76 ล้านบาท ปิดที่ 77.50 บาท ลดลง 1.25 บาท