อีกทั้งยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนาโรงไฟฟ้าอีก จำนวน 63.6 เมกะวัตต์ ตามสัดส่วนการลงทุน ซึ่งจะทยอยดำเนินการผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ ทั้งหมดในปี 2561-2562 และอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม คาดว่าจะดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 4/2562 เป็นการลงทุนที่สอดคล้องกับกลยุทธ์ของ WHAUP ในการให้บริการด้านพลังงานแบบครบวงจรเพิ่มเติมจากการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าให้ลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรม และมีโอกาสเติบโตตามการขยายตัวของธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมภายใต้ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป อย่างต่อเนื่อง สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2560 บริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการ (ธุรกิจน้ำ) 406 ล้านบาท และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน (ธุรกิจพลังงาน) 554 ล้านบาท ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 570 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 385 ล้านบาท หรือคิดเป็น 208% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนงบผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนแรก บริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการ (ธุรกิจน้ำ) 1,063 ล้านบาท และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน (ธุรกิจพลังงาน) 1,491 ล้านบาท ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 1,543 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,036 ล้านบาท หรือคิดเป็น 204% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
สำหรับสาเหตุการเติบโตเพิ่มขึ้นของผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2560 เนื่องจากรายได้จากธุรกิจน้ำเพิ่มขึ้นจากความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของลูกค้า รวมถึงการเปิดดำเนินการผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้าใหม่ ๆ ในช่วงปลายปี 2559 จนถึงปัจจุบัน อาทิ โครงการโรงไฟฟ้า บี.กริม เพาเวอร์ (ดับบลิวเอชเอ) 1 โครงการโรงไฟฟ้า กัลฟ์ วีทีพี โครงการโรงไฟฟ้า กัลฟ์ ทีเอส 1 และโครงการโรงไฟฟ้า กัลฟ์ ทีเอส 2 อีกทั้งโครงการโรงไฟฟ้า เก็คโค่วันได้เดินเครื่องเต็มกำลัง ตั้งแต่ไตรมาส 2/60 รวมถึงรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้า กัลฟ์ วีทีพี ที่เปิดดำเนินการผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา