SENA ตั้งเป้ายอดขาย-รายได้ปี 61 โต 20% จากปีนี้ที่คาดทำได้ทะลุเป้า,เปิดกว่า 9 โครงการใหม่

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 13, 2017 13:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ (SENA) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้และยอดขายปี 61 เติบโต 20% จากปีนี้ พร้อมกับวางแผนเปิดโครงการใหม่เพิ่มขึ้นมากกว่าปีนี้ที่มีจำนวนการเปิดโครงการทั้งสิ้น 9 โครงการ และจะมีมูลค่าโครงการมากกว่ามูลค่าโครงการที่เปิดในปีนี้ 1 หมื่นล้านบาท ราว 10-20% โดยการเปิดโครงการส่วนใหญ่ในปีนี้ยังคงเน้นการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้าเป็นหลัก ซึ่งบริษัทมองว่าการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมยังมีความต้องการซื้อจากประชาชนที่มองหาที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากความสะดวกในด้านการคมนาคม ทำเลที่ตั้งในเมือง และราคาที่เข้าถึงได้ ทำให้ตลาดคอนโดมิเนียมยังมีแนวโน้มที่ดี

ขณะที่ในปี 61 บริษัทจะเน้นการเจาะกลุ่มลูกค้าระดับบนเพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้าของบริษัทให้กระจายไปสู่ตลาดระดับบนเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่ฐานลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ไนระดับกลาง-ล่าง โดยในปี 61 จะเห็นการเปิดแบรนด์ในกลุ่มไพร์ดมากขึ้น หลังจากที่ปีนี้ที่ไม่มีการเปิดแบรนด์ในกลุ่มไพร์ด ซึ่งแบรนด์ดังกล่าวจะเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ 100,000-200,000 บาท/เดือน โดยบริษัทมองว่ากลุ่มลูกค้าดังกล่าวยังคงเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง และจากที่ผ่านมาโครงการระดับบนสร้างยอดขายที่ดีอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงไม่มีปัญหาด้านการโอน

นอกจากนี้ บริษัทยังเดินหน้าเปิดโครงการคอนโดมิเนียมที่ร่วมทุนกับพันธมิตร คือ บริษัท ฮันคิว เรียลตี้ จำกัด (ประเทศญี่ปุ่น) ซึ่งในปี 61 จะมีการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมร่วมทุน คือ โครงการ เดอะ นิช ไพร์ด เตาปูน มูลค่าราว 3-4 พันล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่เลื่อนเปิดมาจากปี 60 และยังมีโครงการร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่นอื่น ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยแผนงานที่ชัดเจนได้ เพราะบริษัทจะนำแผนการดำเนินงานปี 61 เสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเพื่อพิจารณา ในวันพรุ่งนี้ (14 พ.ย.) โดยในเบื้องต้นบริษัทมีที่ดินที่เตรียมรองรับการพัฒนาโครงการในปี 61 แล้ว 80%

ส่วนภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 61 บริษัทมองว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์จะเติบโตได้ 5-10% และแนวโน้มของตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง จากภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตตามประมาณการของหน่วยงานต่าง ๆ ที่คาดว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) จะขยายตัวได้ 3-5% ประกอบกับการลงทุนขยายโครงข่ายรถไฟฟ้าสายต่าง ๆส่ งผลต่อภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ให้ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นการสร้างซัพพลายไนทำเลใหม่ ๆ ออกมา ขณะที่ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง แม้ว่ายังเผชิญกับปัญหาในแง่ของการกระจายรายได้ของประชาชนในประเทศที่ยังไม่ทั่วถึง ทำให้รายได้กระจุกตัวอยู่ไนประชาชนบางกลุ่ม ขณะที่ภาพการแข่งขันของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในไทยยังคงรุนแรงมากขึ้น ราคาที่ดินมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสูงและหาที่ดินได้ยากมากขึ้น

ส่วนภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 60 คาดว่ายอดขายจะทำได้เกินเป้าหมายกว่า 10% จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 4.6 พันล้านบาท เนื่องจากการเปิด 3 โครงการใหม่ในช่วงสิ้นเดือนต.ค.ที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จในแง่การขายอย่างมาก โดยเฉพาะโครงการนิชโมโน สุขมุวิท-แบริ่ง มูลค่า 3.4 พันล้านบาท ที่สามารถทำยอดขายได้ดีมาก ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนหลักที่ทำให้ยอดขายของบริษัทในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมาทำได้มากกว่าเป้าหมายแล้ว ขณะที่รายได้ของบริษัทในปีนี้ก็คาดว่าจะสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 4.5 พันล้านบาท เนื่องจากแนวโน้มการโอนของลูกค้ามีการโอนที่เร็วขึ้น

อีกทั้งมีอัตราการโอนเฉลี่ยต่อโครงการสูงถึง 88% ทำให้บริษัทรับรู้รายได้เข้ามาได้เพิ่มขึ้น และในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทยังมีการโอนคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จใหม่ 2 โครงการ เข้ามาเสริม คือ เดอะ นิช ไพร์ด ทองหล่อ-เพชรบุรี และเดอะ คิทท์ พลัส สุขุมวิท 113 ซึ่งจะมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ที่จะรับรู้เข้ามาเป็นรายได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้กว่า 1 พันล้านบาท จาก Backlog ทั้งหมดที่มีอยู่ในปัจจุบัน 5 พันล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้เข้ามาเป็นรายได้ไปจนถึงปี 62 โดยในปี 62 จะเห็นการโอนที่มากที่สุดและทำให้รายได้ของบริษัทจะมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ขณะที่บริษัทยังมีมูลค่าสต็อกพร้อมขายอยู่ที่ 2 พันล้านบาท ซึ่งได้ทยอยขายไปอย่างต่อเนื่อง ส่วนงบลงทุนปีนี้บริษัทได้ใช้ไปทั้งหมดแล้ว 1-2 พันล้านบาท

สำหรับธุรกิจการให้บริการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปของบริษัท ที่ได้มีการติดตั้งให้กับผู้ประกอบการต่าง ๆ ที่สนใจ เช่น ร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลเว่น โชว์รูมรถยนต์ และโรงงานต่าง ๆ ยังคงมีการความต้องการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปเพิ่มขึ้น แต่ปัจจุบันบริษัทได้ชะลอการติดตั้งให้กับลูกค้า เนื่องจากบริษัทอยู่ระหว่างการรอภาครัฐอนุมัติโครงการเปิดเสรีโซลาร์รูฟท็อป ซึ่งจะเป็นการอำนวยความสะดวกในขั้นตอนการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปใหมกับลูกค้ารวดเร็วมากขึ้น โดยรายได้ไนส่วนนี้สร้างรายได้ให้กับบริษัทเฉลี่ย 100 ล้านบาท/ปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ