CPF แจงยอดขายช่วง 9 เดือนปีนี้โต 8% หลังขยายลงทุนในตปท. แต่กำไรใกล้เคียงปีก่อน

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday November 14, 2017 14:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุขสันต์ เจียมใจสว่างฤกษ์ ประธานคณะผู้บริหารธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและกรรมการผู้จัดการใหญ่(ร่วม) บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) กล่าวถึงผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนของปี 2560 ว่า บริษัทฯ มียอดขาย จำนวน 372,024 ล้านบาท เติบโต 8% จากปีที่ผ่านมาโดยยอดขายจากกิจการในต่างประเทศเพิ่มขึ้น 13% ส่วนยอดขายจากกิจการในประเทศไทยอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 2559 ที่ผ่านมา

ขณะที่มีกำไรสุทธิสำหรับรอบระยะเวลา 9 เดือนปีนี้ จำนวน 12,933 ล้านบาทอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ทั้งนี้บริษัทให้ความสำคัญในการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายให้ลดลงจากการพัฒนาประสิทธิภาพในการผลิตและการทำงานประกอบกับการได้ส่วนแบ่งกำไรของบริษัทร่วมและการร่วมค้าสูงขึ้นรวมทั้งการมีรายได้จากการขายเงินลงทุนเพิ่มขึ้น

“บริษัทได้มีการขยายการลงทุนไปยังประเทศต่างๆเพื่อช่วยสนับสนุนการพัฒนาการเลี้ยงสัตว์สมัยใหม่ในหลายประเทศเพื่อให้ได้มาซึ่งสินค้าเนื้อสัตว์คุณภาพและได้เริ่มลงทุนด้านธุรกิจอาหารในประเทศที่มีอุปสรรคด้านการส่งออกจากประเทศไทยเช่นสหรัฐอเมริกาและกลุ่มประเทศในสหภาพยุโรปการลงทุนในต่างประเทศนี้เป็นปัจจัยหลักที่เสริมการเติบโตของซีพีเอฟโดยในรอบระยะเวลา 9 เดือนแรกของปีนี้กิจการต่างประเทศมียอดขายเติบโตถึง 13% ในขณะที่ยอดขายจากประเทศไทยใกล้เคียงกับระยะเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ทำให้ยอดขายจากกิจการในต่างประเทศมีสัดส่วน 64% ของยอดขายรวม ส่งออกจากประเทศไทย 6% และกิจการในประเทศไทยนั้นมีสัดส่วน 30%" นายสุขสันต์ กล่าว

อนึ่ง ซีพีเอฟเป็นหนึ่งในผู้นำด้านธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารในประเทศไทยได้มีการขยายการลงทุนในต่างประเทศได้แก่ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เวียดนาม สหรัฐอเมริกา ไต้หวัน อินเดีย ตุรกี รัสเซีย กัมพูชา ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย อังกฤษ เบลเยี่ยม ศรีลังกา และโปแลนด์ โดยล่าสุดได้มีการลงทุนในประเทศเยอรมันเป็นประเทศที่ 17 เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

นายสุขสันต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีนี้ธุรกิจอาหารโดยเฉพาะในต่างประเทศมีอัตราการเติบโตสูงสุดถึง 72% อันเป็นผลมาจากการขยายการลงทุนในหลายประเทศและการเข้าซื้อกิจการในปีที่ผ่านมาสำหรับธุรกิจการเลี้ยงสัตว์นั้นประสบกับภาวะสินค้าสุกรล้นตลาดในประเทศเวียดนาม กัมพูชา และประเทศไทยทำให้ราคาอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าปีก่อนโดยเฉพาะราคาสุกรในเวียดนามนั้นลดลงจากระยะเวลาเดียวกันของปีที่แล้วประมาณ 40% ทำให้ในปีนี้บริษัทประสบกับภาวะราคาขายต่ำกว่าต้นทุนการผลิตส่งผลให้อัตราการทำกำไรของบริษัทลดลง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ