BPP ตั้งเป้ากำลังผลิตไฟฟ้าในญี่ปุ่นรวม 1,000 MW ภายในปี 68 เล็งต่อยอดขายไฟตรงให้ปชช.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 20, 2017 10:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวรวุฒิ ลีนานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บ้านปู เพาเวอร์ (BPP) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าภายในปี 68 จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าของโครงการในประเทศญี่ปุ่นรวมทั้งสิ้น 1,000 เมกะวัตต์ จากเป้าหมายกำลังการผลิตรวมที่ 4,300 เมกะวัตต์

ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตตามสัดส่วนการลงทุนในญี่ปุ่นรวมทั้งสิ้น 233.3 เมกะวัตต์ รวม 13 โครงการ โดยมี 3 โครงการที่เริ่มจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิช (COD) แล้ว 12.7 เมกะวัตต์ ได้แก่ โครงการโอลิมเปีย, โครงการฮิโนะ และ โครงการอวาจิ ส่วนอีก 10 โครงการอยู่ระหว่างทางการก่อสร้างและพัฒนา ซึ่งจะทยอย COD ในช่วงปี 61-63 กำลังการผลิตรวม 118.65 เมกาวัตต์ รวมทั้งโครงการยามางาตะ ไออีเดะ กำลังการผลิตตามสัดส่วนถือหุ้น 51% คิดเป็น 102 เมกาวัตต์ จากกำลังการผลิตทั้งหมด 200 เมกะวัตต์ที่จะ COD ในปี 66

นายวรวุฒิ กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนรูปแบบอื่น นอกเหนือจากโซลาร์ฟาร์ม โดยศึกษาการลงทุนโรงไฟฟ้าชีวมวลในญี่ปุ่น หลังจากมองเห็นโอกาสทางธุรกิจและภาครัฐญี่ปุ่นได้ส่งเสริมการพัฒนาโครงการพลังงานทดแทนอย่างจริงจัง แต่ยังต้องรอการไฟฟ้าญี่ปุ่นเปิดให้เข้ายื่นเสนอโครงการ

นอกจากนั้น บริษัทยังสนใจต่อยอดธุรกิจพลังงานทดแทนในญี่ปุ่นในลักษณะการขายไฟฟ้าให้กับประชาชนโดยตรง (Energy Trading) จากปัจจุบันที่บริษัทผลิตไฟฟ้าและขายไฟผ่านการไฟฟ้าญี่ปุ่น ซึ่งการต่อยอดในธุรกิจ Energy Trading ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาและกฏเกณฑ์ต่างๆ ของทางการญี่ปุ่น

“ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราสร้างการเติบโตในญี่ปุ่น เพราะกลุ่มบ้านปูมีกลยุทธ์กระจายการลงทุนทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิกฟิกในระยะยาว และมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่ดีกับประเทศญี่ปุ่นมากกว่า 20 ปี ในขณะเดียวกันรัฐบาลญี่ปุ่นเองก๊มีนโยบายส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานทดแทนอื่นๆ เพื่อรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าไนประเทศและลดสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์ โดยมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนอื่นๆ เป็น 24% ของกำลังการผลิตไฟฟ้าในปี 73 เราจึงมองว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการลงทุนด้านพลังงานทดแทน และมั่นใจว่าโครงการต่างๆของเราในญี่ปุ่นจะสามารถเปิดดำเนินการได้ตามกรอบเวลาที่วางไว้"นายวรวุฒิ กล่าว

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 61 คาดว่ารายได้จะสูงขึ้นจากปี 60 ตามกำลังการผลิตไฟฟ้าในจีนและญี่ปุ่นที่เตรียม COD เพิ่ม กำลังการผลิตรวม 96 เมกะวัตต์ ทำให้ในปีหน้าบริษัทจะมีโรงไฟฟ้าที่ COD แล้วเพิ่มเป็น 2,160 เมกะวัตต์ จากปีนี้อยู่ที่ 2,079 เมกะวัตต์ โดยมีโรงไฟฟ้าที่ญี่ปุ่น 3 โครงการ กำลังผลิตรวม 44.5 เมกะวัตต์ และโครงการล่วนหนาน เฟส 2 ในจีนที่จะ COD รวม 52 เมกะวัตต์ ขณะที่โรงไฟฟ้าหงสาสามารถรักษาอัตราการจ่ายไฟฟ้า (EAF) ดีขึ้นมาที่สูงกว่า 82% ตั้งแต่ไตรมาส 3/60

นายวรวุฒิ กล่าวว่า บริษัทมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ในมือรวม 2,790 เมกะวัตต์ ซึ่ง COD แล้ว 2,070 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างก่อสร้าง 721 เมกะวัตต์ โดยจะทยอย COD ครบทั้งหมดในปี 66 อีกทั้งปัจจุบันบริษัทยังอยู่ระหว่างพิจารณาลงทุนเพิ่มในลาว เวียดนาม อินโดนีเซีย และญี่ปุ่น โดยเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน โรงไฟฟ้าถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ และชีวมวล เพื่อบรรลุเป้าหมายกำลังการผลิตที่ตั้งไว้ 4,300 เมกะวัตต์ ภายในปี 68

ส่วนรายได้ในปี 60 คาดว่าจะสูงกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 9.81 พันล้านบาท โดยแนวโน้มผลงานในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้คาดว่าจะดีขึ้นจากการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น โดยโรงไฟฟ้า CHP ที่จีนจะมีการขายไอน้ำมากขึ้น โรงไฟฟ้าหงสาเดินเครื่องผลิตทั้ง 3 ยูนิต แม้ว่าโซลาร์ฟาร์มในจีนจะผลิตไฟฟ้าลดลงหลังจากเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว และโรงไฟฟ้า BLCP หยุดซ่อม 1 ยูนิต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ