(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ มีโอกาสซึมลง เหตุขาดปัจจัยใหม่หนุน,เลือกเล่นเก็งหุ้นรายตัว

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday November 24, 2017 09:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ และมีโอกาสที่ซึมลง เนื่องจากตลาดขาดปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน ขณะเดียวกันวานนี้ตลาดสหรัฐฯก็ปิดทำการเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า ทำให้ขาดตัวชี้นำ และตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ปิดทำการไปด้วย

ทั้งนี้ ตลาดฯคงจะเป็นลักษณะเลือกเก็งกำไรหุ้นรายตัวมากกว่า และใกล้ปลายปีแล้วก็อาจจะมีแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง โดยเฉพาะแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติ แต่ก็ยังคาดหวังเม็ดเงินจากองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) เพราะยังซื้อน้อยอยู่

ช่วงนี้คนต่างรอวุฒิสภาสหรัฐฯพิจารณาร่างกฏหมายปฏิรูปภาษีว่าจะออกมาเป็นอย่างไรบ้าง และก็รอดูการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในวันที่ 30 พ.ย.นี้ แต่ก็คิดว่าทั้งราคาน้ำมันและตลาดฯได้ปรับขึ้นไปตอบรับในระดับหนึ่งแล้ว โดยตลาดฯคาดจะมีการขยายระยะเวลาในการลดกำลังการผลิตไปถึงสิ้นธ.ค.ปีหน้า

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ อย่างไร้ทิศทาง พร้อมให้แนวรับ 1,700-1,696 จุด ส่วนแนวต้าน 1,719 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำการ (23 พ.ย.60) เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 133.01 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 11.54 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 80.24 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 6.78 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 2.64 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 6.91 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.22 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 13.14 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (23 พ.ย.60) 1,707.38 จุด ลดลง 5.75 จุด (-0.34%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 456.54 ล้านบาท เมื่อวันที่ 23 พ.ย.60
  • ตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการ (23 พ.ย.60) เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (23 พ.ย.60) ที่ 7.15 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 32.69 คาดกรอบวันนี้ 32.65-32.75 รอปัจจัยใหม่หนุนทิศทาง
  • บอร์ดบีโอไอคลอดสิทธิประโยชน์ส่งเสริมลงทุนอีอีซีฉบับใหม่ ดีเดย์ปีหน้า เว้นภาษีเงินได้ นิติบุคคลเพิ่ม 2 ปี ลดหย่อน 50% อีก 5 ปีใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายลงทุนในเขตส่งเสริมพิเศษ พร้อมส่งเสริมกิจการศูนย์กลางการค้า-พัฒนาผลิตภัณฑ์ครบวงจรในเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน
  • เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เปิดเผยว่า ในปี 2566-2570 ไทยวางโครงการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมโดยรถไฟ ไทย-กัมพูชา 6 โครงการ คาดมูลค่าการลงทุน 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.32 แสนล้านบาท โดยไทยจะลงทุนในเขตพื้นที่ของไทย และเสนอให้กัมพูชาลงทุนในพื้นที่ของตัวเอง
  • กสิกรไทยปรับเป้าหมายจีดีพีปีนี้เพิ่มเป็น 3.9% จาก 3.6% ขณะที่ปีหน้าคาดเติบโตได้ 3.9% จากฐานที่กว้างขึ้น ขณะที่สินเชื่อแบงก์ขยับกระเตื้องตาม ยันไม่ห่วงเอ็นพีแอลสินเชื่ออสังหาฯยังเพิ่ม ระบุน่าจะผ่านจุดสูงสุดแล้วแต่ขึ้นอยู่กับธนาคารแต่ละแห่ง และยังต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง
  • "ก้องเกียรติ โอภาสวงการ" ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (ASP) เผยดัชนีหุ้นไทยปีหน้ามีโอกาสทำสถิติสูงสุด (นิวไฮ) จากเงินทุนต่างชาติจากสหรัฐไหลเข้าเอเชีย โดยเฉพาะตลาดหุ้นจีนเพราะราคาหุ้นสหรัฐเริ่มแพง ยุโรปค่อยๆ ฟื้นแม้จะมีความเสี่ยงจากเลือกตั้งเยอรมนี ส่งผลให้ตลาดประเทศตลาดเกิดใหม่ และไทยได้อานิสงส์

*หุ้นเด่นวันนี้

  • BCP (ทรีนีตี้) "ซื้อ"เป้า 61 บาท ได้ทำการประเมิน Downside ของ ราคาหุ้น BCP อยู่ที่ 35.34 บาท โดยใช้วิธี Liquidation Value (Figure 1) ซึ่งถ้าเทียบ Risk Reward Ratio 8 เท่า ถือว่ามีความน่าสนใจอย่างมาก นอกจากนี้แล้วระดับ Dividend Yield ยังอยู่ในระดับ 4-5% ทั้งนี้ ราคายังไม่สะท้อนมูลค่าที่แท้จริง Mkt/EBITDA ธุรกิจโรงกลั่นและธุรกิจการตลาด เพียงแค่ 3 เท่า
  • PTTEP (ไอร่า) เป้า 102 บาท คาดผลดำเนินงาน Q4/60 จะยังคงแข็งแกร่งจากราคาก๊าซที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เช่นเดียวกับราคาน้ำมันดิบคาดว่าจะยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเช่นกัน ล่าสุดราคาน้ำมันดิบดูไบขึ้นมาอยู่ที่บริเวณ 61-62 USD/bbl สูงสุดในรอบกว่า 2 ปี โดยตลาดยังคงจับตาเกี่ยวกับการร่วมมือของกลุ่มโอเปกในการลดกำลังการผลิตต่อไปในปี 61 ด้านแนวโน้มในปี 61 คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นตามราคาก๊าซและราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้อยู่ระหว่างรอเข้าประมูลแหล่งผลิต โดยเฉพาะแหล่งบงกชที่ PTTEP เป็นเจ้าของสัมปทานเดิม และเข้าซื้อกิจการเพิ่มเติม จากเงินสดที่มีอยู่ในมือกว่า 130,000 ล้านบาท
  • PCSGH (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 9.60 บาท ผู้บริหารคาดกำไร Q4/60 จะทรงตัว Q-Q และโต Y-Y ถือเป็นโมเมนตัมที่ดี โดยกำลังการผลิตปัจจุบันยังสูงถึง 80% และกลุ่ม Non-Auto มีการเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่ การผลิตชิ้นส่วนให้รถยนต์ EV ที่เพิ่งได้งาน 2 พันล้านบาท (เริ่มรับรู้ปี 2563) ไม่ต้องลงทุนเพิ่มมากนัก เพราะเป็นโครงการระยะยาวที่ทยอยเพิ่มกำลังการผลิต ซึ่งนอกจากลูกค้าในยุโรปแล้วยังมีภูมิภาคอื่นที่อยู่ในช่วงเจรจา โดยยังชอบ PCSGH ในฐานะ Top pick ของกลุ่ม

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ