กองทรัสต์ CPNREIT พร้อมเข้าซื้อขายหน่วยทรัสต์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ 14 ธ.ค. นี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 13, 2017 11:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการ บริษัท ซีพีเอ็น รีท แมเนจเมนท์ จำกัด ในฐานะผู้ก่อตั้งทรัสต์และผู้จัดการกองทรัสต์ CPNREIT เปิดเผยว่า กองทรัสต์ CPNREIT พร้อมเข้าจดทะเบียนซื้อขายหน่วยทรัสต์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 14 ธันวาคมนี้ หลังจากที่แปลงสภาพและรับโอนทรัพย์สินจากกองทุนรวม CPNRF ได้แก่ โครงการเซ็นทรัลพลาซา พระราม 2 เซ็นทรัลพลาซา พระราม 3 เซ็นทรัลพลาซา ปิ่นเกล้า และเซ็นทรัลพลาซา เชียงใหม่ แอร์พอร์ต รวมถึงเข้าลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินได้แก่ การลงทุนในสิทธิการเช่าโครงการเซ็นทรัลเฟสติวัล พัทยา บีช และโรงแรม ฮิลตัน พัทยา เป็นระยะเวลาประมาณ 20 ปี (สิทธิการเช่าจะสิ้นสุดวันที่ 31 ส.ค. 2580) มูลค่า 11,908 ล้านบาท โดยใช้การกู้ยืมเงินทั้งจำนวนจากสถาบันการเงิน

ตลอดจนได้ทำการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนของกองทุนรวม CPNRF กับหน่วยทรัสต์ของกองทรัสต์ CPNREIT ในอัตรา 1 หน่วยลงทุน ต่อ 1 หน่วยทรัสต์ ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนกองทุนรวม CPNRF ที่มีรายชื่อ ณ วันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน เป็นที่เรียบร้อย

ทั้งนี้ กองทรัสต์ได้แต่งตั้ง บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) ในฐานะผู้พัฒนาโครงการศูนย์การค้าเซ็นทรัล ซึ่งมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการบริหารศูนย์การค้ามาอย่างยาวนาน ทำหน้าที่เป็นผู้บริหารศูนย์การค้าซึ่งเป็นทรัพย์สินหลักของกองทรัสต์ และจะให้ ‘ซีพีเอ็น พัทยา โฮเทล’ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ CPN ถือหุ้นร้อยละ 99.99 เป็นผู้เช่าช่วงโรงแรมฮิลตัน พัทยา โดยซีพีเอ็น พัทยา โฮเทล จะยังคงแต่งตั้งกลุ่มฮิลตัน ซึ่งเป็นเครือข่ายการบริหารโรงแรมระดับนานาชาติ ทำหน้าที่บริหารโรงแรมต่อไป ซึ่งจะส่งผลดีต่อการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพและโอกาสที่กองทรัสต์ CPNREIT จะสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว จึงมั่นใจว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ผ่านการซื้อหน่วยทรัสต์เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ

นายปรีชา เอกคุณากูล กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CPN ในฐานะเจ้าของทรัพย์สินที่กองทรัสต์ CPNREIT รับโอนจากกองทุนรวม CPNRF และเข้าลงทุนเพิ่มเติม และผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ประเภทศูนย์การค้าของกองทรัสต์ กล่าวว่า โครงการศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา ทั้ง 4 แห่ง ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่กองทรัสต์รับโอนจากกองทุนรวม CPNRF นั้น ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีของพื้นที่กรุงเทพฯ และเชียงใหม่ เช่นเดียวกับทรัพย์สินที่เข้าลงทุนเพิ่มเติม ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองพัทยา ติดถนนพัทยาสาย 1 ถือเป็นเมืองท่องเที่ยวชั้นนำที่ได้รับความนิยมจากคนไทยและชาวต่างชาติ ส่งผลให้ศูนย์การค้าและโรงแรมมีอัตราการเช่าพื้นที่และอัตราการเข้าพักที่โดดเด่น

ผลการดำเนินงานของทรัพย์สินที่กองทรัสต์ CPNREIT รับโอนจากกองทุนรวม CPNRF นั้น ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีตลอดมา ส่วนทรัพย์สินที่เข้าลงทุนเพิ่มเติม ได้แก่ โครงการเซ็นทรัลเฟสติวัล พัทยา บีช มีอัตราการเช่าพื้นที่ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 และวันที่ 30 มิถุนายน 2560 สูงถึงร้อยละ 98.45 และร้อยละ 97.37 ตามลำดับ ส่วนโรงแรมฮิลตัน พัทยา มีอัตราการเข้าพักในปี 2559 และงวด 6 เดือนปี 2560 อยู่ที่ร้อยละ 89.13 และร้อยละ 91.60 ตามลำดับ และมีค่าเช่าห้องพักเฉลี่ยในปี 2559 และงวด 6 เดือนปี 2560 อยู่ที่ 5,586 บาทต่อคืน และ 6,487 บาทต่อคืนตามลำดับ

นายสุทธิพัฒน์ เสรีรัตน์ รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุดวาณิชธนกิจและธุรกิจตลาดทุน ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า CPNREIT เป็นกองทรัสต์ที่บริหารจัดการโดย ‘ซีพีเอ็น รีท แมเนจเมนท์’ ซึ่งมีทีมงานที่มีศักยภาพและความพร้อม ประกอบกับทรัพย์สินที่กองทรัสต์รับโอนและเข้าลงทุนเพิ่มเติมนั้นถือว่ามีศักยภาพและความโดดเด่น จึงเชื่อว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวให้แก่นักลงทุน

ขณะเดียวกัน ในการแปลงสภาพเป็นกองทรัสต์ในครั้งนี้ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงให้มีรูปแบบการบริหารจัดการที่เป็นสากล ส่งผลให้กองทรัสต์สามารถเข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมได้ในอนาคต และสามารถเข้าลงทุนในทรัพย์สินด้วยการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินได้ ซึ่งเป็นโอกาสในการเพิ่มขนาดทรัพย์สินของกองทรัสต์ให้ใหญ่ขึ้นเพื่อเพิ่มความน่าสนใจต่อการเข้าลงทุนในกองทรัสต์ ช่วยเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขาย และยังเป็นการกระจายลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมในทำเลที่หลากหลาย

นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า หลังจากที่แปลงสภาพมาจากกองทุนรวม CPNRF ซึ่งในอนาคตกองทรัสต์ยังสามารถเข้าลงทุนเพิ่มเติมในโครงการศูนย์การค้าหรือโรงแรมที่มีศักยภาพของกลุ่มเซ็นทรัล ทำให้กองทรัสต์มีขนาดทรัพย์สินที่ใหญ่ขึ้น มีสภาพคล่องในการซื้อขายที่ดีขึ้นและโอกาสในการได้รับผลตอบแทนต่อหน่วยเพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อการเพิ่มความน่าสนใจให้แก่นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยที่จะเข้ามาถือครองหน่วยทรัสต์เพื่อรับผลตอบแทนที่มีความสม่ำเสมอในระยะยาว จากการลงทุนทางอ้อมในอสังหาริมทรัพย์ผ่านการซื้อหน่วยทรัสต์ที่เข้าลงทุนในทรัพย์สินที่มีศักยภาพสูง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ