KTAM มองเป้าดัชนีหุ้นไทยปี 61 ที่ 1,820 จุด หลังมองศก.เติบโตต่อเนื่อง-เงินลงทุนภาครัฐหนุน-กนง.คงดบ.ตลอดปี

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 20, 2017 15:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย (KTAM) เปิดเผยว่า ปัจจุบันดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุ 1,700 จุด และคาดว่าจะมีแนวโน้มที่สูงต่อเนื่องในปี 2561 โดยบริษัทคาดเป้าหมายดัชนีไว้ที่ 1,820 จุด เนื่องจากเศรษฐกิจไทย น่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ความเชื่อมั่นเริ่มฟื้นขึ้นมา เป็นแรงผลักดันให้การบริโภคปรับตัวดีขึ้น อีกทั้ง เม็ดเงินลงทุนภาครัฐของหลายโปรเจคที่มีการประมูลไปก่อนหน้านี้ น่าจะเริ่มไหลเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ภาคการท่องเที่ยวและการส่งออกสินค้าน่าจะดีต่อเนื่อง ขณะที่เงินเฟ้อในประเทศน่าจะอยู่ในระดับต่ำจากทั้งราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกและราคาสินค้าเกษตรที่ยังไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้นสูงนัก ทำให้แม้ว่าเศรษฐกิจจะดี แต่ดอกเบี้ยยังน่าจะทรงตัวอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง โดยคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% ตลอดปี 2561

อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้นับเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) เพื่อเป็นการสร้างวินัยการออมในระยะยาว พร้อมรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยบริษัทได้คัดกองทุนเด่นที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนพิจารณาเลือกลงทุน คือ กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นไฮดิวิเดนด์ เพื่อการเลี้ยงชีพ( KT-Hidiv RMF) มีนโยบายการลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพี้นฐานแข็งแกร่ง มีประวัติการจ่ายเงินปันผลที่ดี และสม่ำเสมอ และเป็นกองทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอ ในระดับ 4 ดาว จาก Morningstar (ข้อมูล ณ วันที่ 30 ต.ค.60 )

สำหรับผลการดำเนินงานย้อนหลัง ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2560 3 เดือนอยู่ที่ 8.22% 6 เดือน อยู่ที่ 13.97% 1 ปี อยู่ที่ 17.87% และ 3 ปี อยู่ที่ 6.11% เมื่อเทียบกับ Benchmark 3 เดือน อยู่ที่ 3.61% 6 เดือน อยู่ที่ 5.41% 1 ปี อยู่ที่ 18.03% และ3 ปี อยู่ที่ 0.94%

ส่วนกองทุนเปิดกรุงไทย สมาร์ท หุ้นระยะยาว ( KTEF- LTF) เน้นลงทุนในหุ้น ทั้งขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ ที่จดทะเบียนที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีแนวโน้มการเจริญเติบโตทางธุรกิจสูง และให้ผลตอบแทนที่เหมาะสมเมื่อเทียบกับระดับความเสี่ยง โดยบริหารกองทุนในเชิงรุก เพื่อให้ผลตอบแทนเหนือตลาด เลือกลงทุนในหุ้นที่มีราคาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน และมีผลกำไรเติบโตที่ระดับสูงในอนาคต ผลการดำเนินงานย้อนหลัง ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2560 3 เดือน อยู่ที่ 10.22% 6 เดือน อยู่ที่ 12.87% และ1 ปี อยู่ที่ 13.53 % เมื่อเทียบกับ Benchmark 3 เดือน อยู่ที่ 5.35% 6 เดือน อยู่ที่ 9.89% และ 1 ปี อยู่ที่ 15.89%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ