ECF คาดกำไรปี 61 โตตามเป้ารายได้ขยายตัว 10%-รับรู้ฯไฟฟ้าเพิ่ม,เล็งซื้อโซลาร์ฟาร์มที่ COD แล้ว

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday December 21, 2017 15:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค (ECF) คาดกำไรปี 61 เติบโตต่อเนื่องจากปีนี้ จากรายได้ที่ตั้งเป้าขยายตัว 10% จากปีก่อน โดยเฉพาะในส่วนของธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ที่เติบโตจากการส่งออกไปต่างประเทศมากขึ้น ขณะที่จะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจโรงไฟฟ้ามากขึ้นด้วย หลังจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรของโรงไฟฟ้าชีวมวลที่มีอยู่เกือบ 10 เมกะวัตต์ (MW) ภายใต้บริษัทร่วมทุน บริษัท เซฟ เอนเนอร์จี โฮลดิ้งส์ จำกัด (SAFE) ได้เต็มปี ขณะที่จะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ มินบูในเมียนมา เฟสแรก 50 เมกะวัตต์ เข้ามาในช่วงกลางปี 61
"ปีหน้า ECF เราตั้งใจจะมีรายได้โต 10% อยู่แล้ว กำไรก็ตามสัดส่วนที่เราวางไว้ กำไรก็ต้องเพิ่มขึ้น เพราะเราขายเพิ่มขึ้น มีธุรกิจพลังงานเพิ่มขึ้น กำไรปีหน้าต้องดีกว่าปีนี้อยู่แล้ว เพราะมีโรงไฟฟ้าเข้ามาเต็ม ๆ มีทั้งนราธิวาส แพร่ ทั้งมินบู และเฟอร์นิเจอร์ก็เติบโตขึ้น"นายอารักษ์ กล่าว

นายอารักษ์ กล่าวว่า SAFE วางแผนจะมีกำลังผลิตไฟฟ้าชีวมวลเพิ่มเป็น 60 เมกะวัตต์ ภายใน 3 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันที่มีอยู่เกือบ 10 เมกะวัตต์ ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลขนาด 7.5 เมกะวัตต์ จ.นราธิวาส เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ (COD) และเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเต็มไตรมาส 3/60 ที่ผ่านมา และโรงไฟฟ้าชีวมวล ขนาดกำลังการผลิต 2 เมกะวัตต์ จ.แพร่ คาดว่าจะ COD ในเดือน ม.ค.-ก.พ. 61

ปัจจุบัน กลุ่มบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ผลิตไฟฟ้าที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) โรงไฟฟ้าชีวมวล จำนวน 3 แห่ง กำลังผลิตราว 30 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะสรุปดีลได้ภายในไตรมาส 1/61 โดยเป็นโรงไฟฟ้าใหม่ที่ยังไม่ได้ผลิต และมี PPA ที่หมดอายุแล้ว แต่ปัจจุบันอยู่ระหว่างขอต่อใบอนุญาต PPA รวมถึงยังได้ยื่นเสนอภาครัฐเพื่อทำโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล อีก 20 เมกะวัตต์ด้วย ซึ่งหากดำเนินการได้สำเร็จก็จะทำให้กลุ่มบริษัทมี PPA เพิ่มเป็น 60 เมกะวัตต์ได้ภายในปี 61

สำหรับเม็ดเงินลงทุนที่จะใช้ลงทุนเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากชีวมวลอีก 60 เมกะวัตต์นั้น คาดว่าจะใช้เงินลงทุนเพิ่มอีกราว 3.5 พันล้านบาท ซึ่งหากคิดเฉพาะในส่วนที่ ECF ถือหุ้นใน SAFE กับพันธมิตรอีก 2 รายที่ถือหุ้นฝ่ายละ 33.37% จะใช้เงินลงทุน 1.2 พันล้านบาท ในส่วนนี้คาดว่าจะเป็นเงินกู้ราว 60%

นอกจากนี้ บริษัทยังมองโอกาสในการลงทุนธุรกิจโซลาร์ฟาร์มในประเทศด้วย โดยอาจจะเป็นการเข้าซื้อโรงไฟฟ้าที่ COD โดยมีส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) ที่อัตรา 8 บาท/หน่วย

ขณะเดียวกันบริษัทก็มองโอกาสการลงทุนผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน ทั้งโซลาร์ฟาร์ม และชีวมวล ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น หลังจากที่โรงไฟฟ้ามินบูเดินเครื่องผลิตเฟสแรกในกลางปี 61 แล้ว

นายอารักษ์ กล่าวว่า บริษัทวางเป้าหมายจะมีสัดส่วนกำไรจาก 3 ธุรกิจในช่วง 3 ปีข้างหน้าที่ระดับ 30:30:30 จากในปีหน้าที่สัดส่วนกำไรส่วนใหญ่ยังอยู่ในธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ ราว 60-70% และธุรกิจไฟฟ้าราว 30%

อนึ่ง ECF มีธุรกิจหลักจากการผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ ,ธุรกิจพลังงาน และธุรกิจร้านค้าปลีกรูปแบบร้าน 100 เยน "Can Do" จากประเทศญี่ปุ่น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ