โบรกฯเชียร์"ซื้อ"SPALI มองกำไรปี 61 ทำนิวไฮต่อเนื่อง รับศก.ฟื้น-Backlog หนุน พร้อมรุกตลาดไฮเอนด์ดันมาร์จิ้นเพิ่ม

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday January 29, 2018 14:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ศุภาลัย (SPALI) โดยมองว่ากำไรปี 61 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องจากปีก่อน ตามรายได้ที่เติบโต จากยอดขายรอโอน (Backlog) ที่มีอยู่จำนวนมาก ขณะที่ยังเตรียมเปิดอีก 35 โครงการใหม่ในปีนี้ ช่วยหนุนยอดขายช่วงเศรษฐกิจฟื้น พร้อมปรับกลยุทธ์ก้าวขึ้นมาเล่นตลาดไฮเอนด์ทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม ด้วยแบรนด์สินค้าใหม่รูปแบบทันสมัย ใกล้เมืองและรถไฟฟ้ามากขึ้น ผลักดันให้อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นเป็นใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยในอดีตที่เคยทำได้ถึงระดับ 40%

นอกจากนี้ ด้วยฐานกำไรยังแข็งแกร่งแม้จะมี Dilution จากการแปลงสภาพวอร์แรนต์ของ SPALI-W4 แต่ก็เป็นจังหวะของการเข้าลงทุนได้ เนื่องจากช่วงครึ่งปีแรกจะเป็นช่วงของการเริ่มกลับมาจ่ายเงินปันผลหลังจากเว้นไปในปี 60 และทำให้ SPALI กลับมาเป็น Dividend Stock อีกครั้งหนึ่ง

พักเที่ยง ราคาหุ้น SPALI อยู่ที่ 24.10 บาท ลดลง 0.20 บาท หรือ 0.82% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ปรับขึ้น 0.51%

          โบรกเกอร์                    คำแนะนำ                ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          หยวนต้า (ประเทศไทย)            ซื้อ                       27
          เออีซี                          ซื้อ                       28
          เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ                ซื้อ                       30
          ฟิลลิป (ประเทศไทย)            ทยอยซื้อ                     26
          ดีบีเอส วิคเคอร์สฯ                ซื้อ                       26
          แลนด์ แอนด์ เอ้าส์                ซื้อ                       28
          กสิกรไทย                       ซื้อ                       27
          ทิสโก้                          ถือ                       23

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/60 ของ SPLAI มีทิศทางที่จะออกมาค่อนข้างดี ขณะที่ปี 61 กำไรสุทธิจะทำสถิติสูงสุดใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง ตามการตั้งเป้าหมายรายได้ที่ 2.6 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 6.1% โดยมียอดขายที่เตรียมโอนกรรมสิทธิ์เป็นมูลค่ามากกว่า 50% ของรายได้แล้ว ซึ่ง SPLAI มีBacklog ที่สูงถึง 3.92 หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้ SPALI ยังมีที่ดินเตรียมพัฒนาโครงการในปีนี้ บริเวณถนนพระราม 3 และถนนเจริญนคร ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีระดับรายได้สูง พร้อมกับการพัฒนาสินค้าเพื่อสนองกลุ่มลูกค้าเป้าหมายทั้งในทำเลเดิมและทำเลใหม่ ๆ ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี

"ผลประกอบการของ SPALI ในไตรมาส 4/60 ถือว่าทำได้ค่อนข้างดี ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ดีที่สุดในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ก็ตาม โดยในปี 61 นี้ยังสามารถทำกำไรได้เป็นสถิติสูงสุดใหม่ ที่เป็นการเติบโตตามเศรษฐกิจและกำลังซื้อฟื้นตัว ซึ่งการเปิดโครงการใหม่โดยเฉพาะบริเวณถนนพระราม 3 และถนนเจริญนคร ที่เน้นกลุ่มลูกค้ากลุ่มกลางบนที่มีกำลังซื้อที่ดี จะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า"นายประกิต กล่าว

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ปี 61 กำไรสุทธิจะทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง โดย SPALI ตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่ 35 โครงการ มูลค่า 4 หมื่นล้านบาท และตั้งเป้ายอดขายที่ 3.3 หมื่นล้านบาท โดยเป็นปีแห่งการขยายโครงการแนวราบที่ตั้งเป้าเปิด 30 โครงการสัดส่วนมูลค่า 54% ของทั้งหมด และคอนโดมิเนียมใหม่เน้นกลุ่มกลางราคาบวกลบ 1 แสนบาท/ตารางเมตร ยกเว้นโครงการสาทรที่คาดว่าจะเปิดแบรนด์ใหม่มูลค่าโครงการคาดที่ประมาณ 8-9 พันล้านบาท

สำหรับเป้ายอดขายปีนี้ของ SPALI มองว่าค่อนข้าง Conservative เทียบกับปี 60 ที่ตั้งเป้าที่ 2.7 หมื่นล้านบาทแต่สามารถทำได้ถึง 3.08 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% จากปีก่อนหน้า ปัจจัยที่ต้องติดตามในปีนี้คือยอดจองของคอนโดมิเนียมที่เปิดใหม่และการระบายสต็อกของคอนโดมิเนียม

ทั้งนี้ ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" SPALI ด้วยฐานกำไรยังแข็งแกร่ง แม้จะมี Dilution จากใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ (วอร์แรนต์) SPALI-W4 แต่เป็นจังหวะของการเข้าลงทุนหุ้นได้เนื่องจากช่วงครึ่งแรกปีนี้ จะเป็นช่วงของการเริ่มกลับมาจ่ายเงินปันผลหลังจากเว้นไปในปี 60 และทำให้ SPALI กลับมาเป็น Dividend Stock อีกครั้งหนึ่ง

ด้านบทวิเคราะห์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า กำไรปกติในไตรมาส 4/60 ของ SPALI จะขยายตัว 1% จากไตรมาสก่อน และ 37% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาทำระดับสูงสุดใหม่ที่ 1.65 พันล้านบาท ตามการโอนคอนโดมิเนียมใหม่ Supalai Wellington II มูลค่า 3.6 พันล้านบาท ขณะที่ SPALI มี Backlog รองรับประมาณการรายได้ปี 60 ถึง 97% จำกัด Downside ทำให้กำไรทั้งปีเติบโต 9% สู่ระดับสูงสุดใหม่ที่ 5.3 พันล้านบาท

นอกจากนี้ SPALI ยังได้ปรับกลยุทธ์ที่วางแผนปีนี้จะก้าวขึ้นมาเล่นในตลาดไฮเอนด์ ทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียมด้วยแบรนด์สินค้าใหม่ที่มีรูปแบบทันสมัย ใกล้เมืองและรถไฟฟ้ามากขึ้น เพื่อขยับราคาเฉลี่ยของบ้านแนวราบขึ้นเป็น 5-8 ล้านบาทจากเดิม 3-4 ล้านบาท และคอนโดมิเนียมขยับเป็น 1.2-2 แสนบาท/ตารางเมตร คาดทำให้อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นเป็นใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 40% จากคาด 38.2% ในปีนี้ ซึ่งจุดสำคัญอยู่ที่รูปแบบของโครงการจะทันสมัยตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้หรือไม่ ยังเป็นสิ่งที่ต้องติดตาม

นอกจากนี้การขยับสู่โครงการ Mixed Use ครั้งแรกกับ ศุภาลัย ไอคอน บนถนนสาทร เพื่อกระจายรายได้สู่รายได้ค่าเช่าศูนย์การค้าและสำนักงาน แม้ว่ามีมุมมองเป็นบวก แต่ยังต้องรอการพิสูจน์ถึงแผนการตลาดและพันธมิตรที่จะร่วมในส่วนของศูนย์การค้า

ทั้งนี้ SPALI มี Backlog รองรับประมาณการปี 61 ไปแล้วถึง 48% สูงเป็นอันดับที่ 3 ของกลุ่ม และหากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายตอบรับเชิงบวกกับกลยุทธ์ใหม่ของ SPALI ที่ขยับสู่ตลาดระดับบนมากขึ้นทั้งแนวราบและแนวสูง ย่อมทำให้ประมาณการมี Upside risk ในทันที ประกอบกับราคาปัจจุบัน ซื้อขาย P/E ปี 61 ที่ 9 เท่า ภายใต้สมมติฐานการแปลงสภาพ SPALI-W4 ทั้งจำนวนแล้ว ประเมินราคาเหมาะสมสิ้นปี 61 ที่ 27 บาท และยังคงแนะนำ "ซื้อ"


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ