GPSC เผยกำไรสุทธิปี 60 เพิ่มขึ้น 18% รับผลบวกเดินเครื่องโรงไฟฟ้ามีประสิทธิภาพ,โครงการ IRPC-CP เฟส 2 หนุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday February 13, 2018 07:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเติมชัย บุนนาค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) แกนนำนวัตกรรมพลังงานไฟฟ้ากลุ่มบมจ.ปตท. (PTT) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานปี 2560 บริษัทฯ มีรายได้รวมจากการดำเนินงานทั้งสิ้น 19,917 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 3,175 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีปัจจัยมาจากปริมาณการขายไฟฟ้าและไอน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากโครงการต่าง ๆ ประกอบด้วย โครงการโรงไฟฟ้าไออาร์พีซี คลีนเพาเวอร์ ระยะที่ 2 (IRPC-CP Phase 2) ที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD)ในเดือนพฤศจิกายน 2560 ขนาดกำลังผลิตทั้ง 2 ระยะรวม 240 เมกกะวัตต์ (MW)

โรงผลิตไฟฟ้าสาธารณูปการระยอง ขนาดกำลังผลิตไฟฟ้ารวม 339 เมกะวัตต์ สามารถผลิตไอน้ำได้รวม 1,340 ตันต่อชั่วโมง และผลิตน้ำเพื่ออุตสาหกรรม 2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่จำหน่ายสาธารณูปโภคให้กับกลุ่ม ปตท. โดยปีที่ผ่านมาไม่มีแผนการหยุดซ่อมบำรุง ทำให้ปริมาณการรับซื้อจากกลุ่มลูกค้าสูงขึ้นกว่าปีก่อน

ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้น จากการเข้าไปถือหุ้นในโรงไฟฟ้า SPP ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น โรงไฟฟ้า บางปะอิน โคเจเนอเรชั่น 2 (BIC2) ซึ่ง GPSC ถือหุ้น 25% มีขนาดกำลังการผลิต 117 เมกะวัตต์ ซึ่งดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนมิถุนายน 2560 และโรงไฟฟ้านวนคร (NNEG) ซึ่ง GPSC เข้าถือหุ้น 30% มีกำลังการผลิต 125 เมกะวัตต์ โดยถือเป็นปีแรก ที่บริษัทฯสามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรได้เต็มปี

"จากผลกำไรที่สูงขึ้นในปี 2560 เป็นผลมาจากความสามารถของบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการโรงไฟฟ้า และโครงการต่าง ๆ ที่อยู่ระหว่างการดำเนินงานให้สามารถเดินเครื่องผลิตจ่ายกระแสไฟฟ้าได้ เป็นไปตามเป้าหมายของแผนธุรกิจที่วางไว้ ประกอบกับบริษัทฯ มีมาตรฐานสูงในเรื่องความปลอดภัย โดยปราศจากอุบัติเหตระหว่างการปฏิบัติงาน พร้อมกับการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดสามารถเดินเครื่องได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทฯ ไม่มีปัญหาเรื่องการหยุดเดินเครื่องแบบฉุกเฉิน ที่จะส่งผลกระทบต่อการส่งมอบไฟฟ้าและไอน้ำให้กับลูกค้า"นายเติมชัย กล่าว

ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2560 มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 722 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 72% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีรายได้เพิ่มสูงขึ้น จากปริมาณการจำหน่ายสาธารณูปโภคของโรงผลิตสาธารณูปการระยองที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับการรับรู้รายได้จากโครงการ IRPC-CP ทั้ง 2 ระยะ ที่สามารถเดินเครื่องในเชิงพาณิชย์ได้ทั้งสองหน่วยผลิต ทำให้ บริษัทฯ รับรู้รายได้และกำไรที่เพิ่มสูงขึ้นจากโรงไฟฟ้าดังกล่าว

สำหรับทิศทาง ปี 2561 บริษัทฯ ยังคงกำหนดเป้าหมายการขับเคลื่อนธุรกิจที่จะมีการเติบโตในพื้นที่มาบตาพุด ทั้งในด้านปริมาณกำลังการผลิต และจำนวนลูกค้า ที่จะมีอัตราการขยายตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะการใช้ไฟฟ้า และไอน้ำ ที่เกิดขึ้นจากการลงทุนในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งกลุ่ม ปตท. มีแผนการขยายการลงทุน และ GPSC ในฐานะเป็นแกนนำด้านพลังงานไฟฟ้าและสาธารณูปโภค มีความพร้อมที่จะลงทุนในด้านการผลิต และพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System: ESS) การพัฒนาโครงการ Smart Grid ร่วมกับพันธมิตร เพื่อมารองรับโครงการต่าง ๆ ของปตท. และขยายไปยังกลุ่มลูกค้าอื่นในพื้นที่อย่างเต็มประสิทธิภาพ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ