โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.สยามเวลเนสกรุ๊ป (SPA) มองกำไรสุทธิปีนี้เติบโตกว่า 40% ตามแผนการขยายสาขาในประเทศราว 10 สาขา/ปี รวมถึงได้รับผลบวกจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยที่เติบโตด้วย ด้านการขายแฟรนไชส์ในต่างประเทศเพิ่มขึ้น
ล่าสุดตั้งแต่ต้นปีนี้ SPA ได้ขายแฟรนไชส์ "Let’s Relax" ในกัมพูชา และเมืองชิงเต่า ในจีน ช่วยหนุนให้สามารถรับรู้รายได้ได้ทันที ขณะที่ใช้เงินลงทุนไม่มาก ช่วยเพิ่มให้สัดส่วน ROE สูงขึ้น นอกจากนั้น การขยายสาขาไปยังต่างประเทศยังเป็นการเพิ่มช่องทางการขายสินค้าสำหรับสปาอีกด้วย
หุ้น SPA พักเที่ยงอยู่ที่ 21.10 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยลดลง 0.03%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
เคทีบีฯ ซื้อ 24.00
ซีไอเอ็มบีฯ ซื้อ 23.50
ธนชาต ซื้อ 25.00
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของ SPA ในช่วง 6 ปีข้างหน้าจะมีกำไรเติบโตเฉลี่ย 25% ต่อปี จากการขยายสาขาในประเทศไทยปีละ 10 สาขา และการรุกขยายการขายแฟรนไชส์ในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจีน เพราะเป็นประเทศที่มีประชากรที่สูงสุดในโลก โดยเมืองที่ SPA เข้าไปเป็นเมืองที่มีศักยภาพการเติบโตได้สูง ทั้งในเมืองเทียนจินและชิงเต่า ซึ่งมีรายได้ต่อหัวสูงกว่าเมืองคุนหมิงที่ SPA เคยเปิดก่อนหน้านี้ถึง 30% ขณะที่การขายแฟรนไชส์ ทำให้ไม่ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก แต่มีการรับรู้รายได้ได้ทันที
นอกจากนี้ SPA ยังได้ Rebrand ผลิตภัณฑ์สปาให้มีความหรูหรามากยิ่งขึ้น และพร้อมที่จะจำหน่ายไปยังต่างประเทศ รวมถึงมีแผนที่จะขายตามห้างสรรพสินค้าในไทยอีกด้วย
สำหรับภาพรวมในปี 61 คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตได้สูงถึง 40% เนื่องจากมีการปรับขึ้นราคาในแบรนด์"บ้านสวน มาจสาจ" และ"ระรินจินดา" ประมาณ 10% เมื่อวันที่ 1 ม.ค.61 และการขยายสาขาในประเทศอย่างต่อเนื่องปีละ 10 สาขา รวมถึงจะเริ่มรับรู้รายได้จากการที่ผู้ได้รับสิทธิแฟรนไชส์ชำระค่า Lump-sum Franchise Fee จากการขายแฟรนไชส์ที่เมืองชิงเต่า ในจีน และพนมเปญ ซึ่งเป็นรายได้ครั้งเดียว โดยคาดว่าจะทยอยรับรู้ในช่วงไตรมาส 1/61 ถึงไตรมาส 2/61 ราว 5-8 ล้านบาท และจะเริ่มรับรู้ Monthly Franchise Fee ตั้งแต่ 2/61 เป็นต้นไป
"เรามองการเติบโตของกำไรที่ชัดเจนในอนาคต ตามการขยายของสาขาในประเทศ รวมไปถึงการขยายไปต่างประเทศด้วย นอกจากนี้ประเทศไทยยังมีการเติบโตของนักท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง และแนวโน้มนักท่องเที่ยวจีนที่ยังสดใส"นักวิเคราะห์ กล่าว
ด้านนักวิเคราะห์ บล.ธนชาต กล่าวว่า มีมุมมองเชิงบวกจากผลประกอบการของ SPA ที่จะเติบโตจาก 3 ส่วน ได้แก่ การขยายสาขาในประเทศอย่างน้อย 10 สาขา/ปี หรือคิดเป็นสัดส่วน 20% ต่อปี จากปัจจุบันที่มีสาขารวมทั้งหมด 40 สาขา ประกอบกับจะปรับเพิ่มราคาการใช้บริการบางส่วนด้วย ส่วนที่ 2 คือการเปิดให้บริการในรูปแบบแฟรนไชส์ในจีน และกัมพูชา ก็จะมีส่วนแบ่งรายได้เข้ามาโดยไม่ต้องลงทุนเพิ่ม และส่วนที่ 3 คือการปรับราคาขายสินค้าต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสปา ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำไรของ SPA ให้มากขึ้น
"ทั้ง 3 ส่วนนี้จะช่วยหนุนผลประกอบการให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราคาดว่า SPA จะเติบโตได้อย่างน้อย 20-30% ต่อปี"นักวิเคราะห์ กล่าว
ขณะที่ยังเห็นว่าการขยายธุรกิจในลักษณะที่ใช้เงินลงทุนต่ำของ SPA จะช่วยเพิ่มให้สัดส่วนอัตราผลตอบแทนจากส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) ของ SPA สูงขึ้น นอกจากนั้นการขยายสาขาไปยังต่างประเทศยังเป็นการเพิ่มช่องทางการขายสินค้าสปาของ SPA ได้ ซึ่ง SPA ตั้งเป้าให้สินค้าสปาเป็นปัจจัยการเติบโตหลักในปีนี้ด้วย
บทวิเคราะห์ บล.เออีซี ระบุว่า ผลการดำเนินงานของ SPA ในปี 60 คาดว่าจะมีกำไรเติบโต 28.3% จากปี 59 และจะเติบโตต่อเนื่องอีก 47% ในปีนี้ จากแผนขยายสาขาอีก 10 แห่งในประเทศ นอกจากนี้ยังมีแผนขยายโมเดลรับบริหารสปาในโรงแรมระดับ 4-5 ดาว และแผนขยายสปาในต่างประเทศ ได้แก่ จีน และกลุ่มประเทศ CLMV ด้วย โดยแนะ"ซื้อ"สำหรับ SPA เนื่องจากยังมี Upside จากราคาเป้าหมาย Consensus ที่ 22.8 บาท
ด้าน บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า กำไรปกติของ SPA ในช่วงไตรมาส 4/60 จะเติบโต 42% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 12% เมื่อเที่ยบกับช่วงไตรมาสก่อนหน้า จากการเติบโตของสาขาเดิมที่แข็งแกร่งและส่วนแบ่งกำไรจาก 10 สาขาใหม่ที่เปิดให้บริการเติบโตได้ค่อนข้างดี ตามการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย