(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้น ขานรับตลาดตปท.รีบาวด์,SET ยืนเหนือ 1,800 จุด-กำไรบจ.ยังดีหนุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday February 16, 2018 09:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยเช้านี้น่าจะแกว่งตัว Sideway up หลังได้รับ Sentiment ที่ดีขึ้นจากตลาดหุ้นต่างประเทศที่รีบาวด์ต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา แม้วอลุ่มการซื้อขายช่วงนี้จะน้อยลงบ้างหลังหลายประเทศในภูมิภาคหยุดทำการช่วงเทศกาลตรุษจีน แต่การที่ดัชนี SET สามารถยืนเหนือ 1,800 จุดก็เป็นสัญญาณที่ดี และก็เชื่อว่าจะทำให้วอลุ่มกลับเข้ามา

ส่วนการลงทุนของต่างชาติก็มีทิศทางที่ดีขึ้น หลังมีแรงขายน้อยลงในตลาดหุ้นไทย ประกอบกับต่างชาติเปิดสถานะ long ติดต่อกันหลายวันในตลาดฟิวเจอร์ส รวมถึงค่าเงินดอลลารี์ที่อ่อนค่าลงส่งผลบวกต่อราคาน้ำมัน และการลงทุนใน Emerging Market ซึ่งขณะนี้เริ่มเห็นแรงซื้อสินทรัพย์เสี่ยงกลับเข้ามาด้วย ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าทำให้ค่าเงินบาทในช่วงนี้แข็งค่าสุดในรอบ 4 ปีก็นับเป็นสัญญาณที่ดีต่อตลาดหุ้นไทย

สำหรับความกังลต่อทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Bond yield) ที่อยู่ในระดับสูงนั้นน่าจะซึมซับแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ไปแล้ว ส่วน Bond yield จะปรับตัวขึ้นต่อหรือไม่นั้นน่าจะยังต้องรอสัญญาณจากการประชุมเฟดในเดือนมี.ค.อีกครั้งหนึ่งว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้มากกว่าเดิมที่เคยคาดว่าจะปรับขึ้น 3 ครั้งหรือไม่

ทั้งนี้ มองว่าตลาดหุ้นไทยอาจจะยังผันผวนบ้างแต่ก็ยังฟื้นตัวได้ดี จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีก็จะช่วยผลักดันให้กำไรของบจ.ยังอยู่ในระดับที่ดีช่วยประคองตลาดได้

พร้อมมองแนวรับที่ 1,790-1,792 จุด และแนวต้านที่ 1,806 และ 1,813 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (15 ก.พ.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,200.37 จุด พุ่งขึ้น 306.88 จุด (+1.23%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,731.20 จุด เพิ่มขึ้น 32.57 จุด (+1.21%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,256.43 จุด เพิ่มขึ้น 112.81 จุด (+1.58%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 91.01 จุด

ส่วนตลาดหุ้นจีน ตลาดหุ้นฮ่องกง ตลาดหุ้นไต้หวัน ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ตลาดหุ้นมาเลเซีย และตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ปิดทำการวันนี้เนื่องในวันตรุษจีน

  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (15 ก.พ.61) 1,800.86 จุด เพิ่มขึ้น 8.77 จุด (+0.49%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 920.13 ล้านบาท เมื่อวันที่ 15 ก.พ.61
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (15 ก.พ.61) ปิดที่ระดับ 61.34 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 74 เซนต์ หรือ 1.2%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (15 ก.พ.61) ที่ 7.00 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 31.26 แข็งค่าต่อเนื่อง รับเม็ดเงินไหลเข้าตลาดพันธบัตร มองกรอบวันนี้ 31.20-31.30
  • EIC SCB ประเมินภาพรวม EEC ช่วยปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ-ดึงเงินลงทุนต่างชาติเข้าไทย พร้อมเป็นโอกาสให้อีกหลายอุตสาหกรรมเกิดแนะ 3 กลุ่มหลัก "ซ่อมบำรุงอากาศยาน-IoT-หุ่นยนต์" ขณะที่แรงงานใน 3 กลุ่ม อุตสาหกรรมกว่า 6.5 แสน เสี่ยงตกงานจากการเข้ามาของโรบอตแนะปรับตัวเพิ่มทักษะในกลุ่มงานที่มีดีมานด์เพิ่ม
  • ไอซีโอฮิตไม่เลิกแม้ยังไร้กฎเกณฑ์ล่าสุด คริปโตเวชั่นสตาร์ตอัพไทยจ่อระดมทุนอีก 5 หมื่นล้าน อีทีเรียมเป็นรายที่ 2 ตามเจมาร์ท แต่ไประดมที่สิงคโปร์แทน คาดเปิดจองซื้อกลาง มี.ค.ส่วน'เจฟินคอยน์'นักลงทุนจองกว่า 90% แล้ว ด้านแบงก์ชาติ ย้ำชัด หนังสือเวียนไม่ครอบคลุม"ไอซีโอ"พร้อมทบทวนหนังสือเวียนรองรับเกณฑ์ ก.ล.ต.ไม่เป็นอุปสรรคระดมทุน แจงเหตุออกหนังสือเวียน ห่วง 3 เรื่องหลัก เสถียรภาพระบบการเงิน ปกป้องผู้ลงทุน สกัดธุรกิจ สีเทาสบช่องฟอกเงิน ด้านนักวิชาการชี้รัฐไม่ควรปิดกั้นการทำไอซีโอ
  • บอร์ด กทพ.เห็นชอบให้กู้เงิน 3,400 ล้านบาท เพื่อนำไปก่อสร้างโครงการทางพิเศษ (ทางด่วน) สายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก ในระหว่างที่ยังไม่สามารถระดมทุนผ่านกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand Future Fund:TFF) ของกระทรวงการคลังได้ โดยหลังจากนี้ กทพ.จะเสนอเรื่องให้กระทรวงคมนาคมและคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา คาดว่าจะเสนอเรื่องเข้า ครม. ได้ในเดือนเมษายน เนื่องจาก กทพ.วางแผนจะใช้เงินก่อสร้างงวดแรกในเดือน สิงหาคมจำนวน 3,003 ล้านบาท, งวดที่ 2 ในเดือนกันยายน จำนวน 77 ล้านบาท รวมเป็น 3,080 ล้านบาท
  • คลังทำใจขายหน่วยลงทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ดีเลย์ไปกลางปี 2561 หลังติดปัญหา สร.กทพ. ยื่นเรื่องอุทธรณ์ศาลปกครองแตะเบรกดำเนินการ มั่นใจไม่กระทบแผนลงทุนสร้างทางด่วนใหม่ 2 เส้น
  • อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า การผลักดันธุรกิจบริการที่กรมส่งเสริมตามนโยบายของ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ พบว่ามีแนวโน้มขยายตัวธุรกิจบริการของไทยในอัตราดีขึ้นต่อเนื่องโดยสถิติการจดทะเบียนธุรกิจจัดตั้งใหม่ปี 60 พบว่ามีธุรกิจบริการที่เข้ามาจดทะเบียนธุรกิจจัดตั้งใหม่จำนวน 6,598 ราย เพิ่มขึ้น 19% หรือเพิ่มขึ้นจำนวน 1,017 ราย เทียบกับปี 2559 มีมูลค่าทุนจดทะเบียนจัดตั้งใหม่ 2.16 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% หรือ เพิ่มขึ้น 6,379 ล้านบาท เทียบกับปี 59
  • "มูบาดาลา" ยักษ์ปิโตรเลียมยูเออี รุกขยายลงทุนไทย ลั่นพร้อมชิงเค้ก 2 แหล่งก๊าซอ่าวไทย "เอราวัณ-บงกช" มั่นใจทุนหนา ชำนาญลงทุนทั่วโลก หวังยึดไทยฮับพลังงานอาเซียน แย้มสนใจลงทุนพลังงานทดแทน ด้าน "พลังงาน" เตรียมนำทีโออาร์ประมูล เสนอ กพช. 7 มี.ค.นี้ คาดรู้ผลผู้ชนะสิ้นปีนี้ ลงนามเดือนก.พ. ปีหน้า

*หุ้นเด่นวันนี้

  • ROBINS (เคทีบีฯ) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 79 บาท ขณะที่รายงานกำไรสุทธิใน 4Q60 ที่ 820 ล้านบาท -18.8% YoY และ+34.1% QoQ ใกล้เคียงที่คาด กำไรปกติเพิ่มขึ้น +14.7%YoY, + 30.2%QoQ จากการเติบโตของรายได้ค่าเช่า ซึ่งมีอัตราการเช่าสูง การลดลงของต้นทุนการเงินและภาษี ขณะที่การเติบโตที่สูง QoQ มาจากการจับจ่ายใช้สอยมีแนวโน้มฟื้นตัว การเข้าสู่ช่วงเทศกาลปลายปี และการกระตุ้นจากภาครัฐ บริษัทจะมีกำไรสุทธิ ในปี 61 ประมาณ 3.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากการขยายสาขาใหม่และรับรู้รายได้เต็มปีจากสาขาที่เพิ่มในปี 60 บริษัทมีหนี้สินต่อทุนสุทธิเป็น cash ซึ่งเอื้อต่อการขยายสาขา
  • STEC (กสิกรไทย) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 27 บาท ลดลงจาก 30.50 บาท หลังจากปรับลดประมาณการกำไรปี 2561-62 ลง 25% และ 8.2% ตามลำดับ อย่างไรก็ตามแม้ว่ากำไรติดลบอย่างมากในไตรมาส 4/2560 ก็คาดว่ากำไรของ STEC จะพลิกเป็นบวกในปี 2561 ในระดับ 1.1 พันล้านบาท และเติบโตขึ้น 58.5% ในปี 2562 ด้วยแรงหนุนจาก backlog ในมือขนาดใหญ่ที่มีคุณภาพของบริษัทจำนวน 1.235 แสนล้านบาท โดยคาดว่ากำไรของ STEC จะกลับสู่ระดับปกติตั้งแต่ไตรมาส 1/2561 เป็นต้นไป แม้จะมีอัตรากำไรปกติ (GPM) ที่ต่ำกว่าปกติ นอกจากนี้เชื่อว่าราคาหุ้นที่ปรับลดลง 7.3% เมื่อวานนี้ (15 ก.พ. 2561) ได้สะท้อนประเด็นกำไรไตรมาส 4/2560 ที่น่าผิดหวังไปแล้ว
  • NYT (เออีซี) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 6.6 บาท โดยช่วง 4Q60 กำไรเติบโต 19.2%YoY จากปริมาณส่งออกรถยนต์เริ่มดีขึ้นส่งผลให้ทั้งปี 60 กำไรหดตัวเพียง 0.3%YoY ส่วนปี 61-62 คาดกำไรโตเฉลี่ยปีละ 2.1% จากออเดอร์ส่งออกรถยนต์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหลังราคาน้ำมันพลิกกลับมาเป็นขาขึ้น ผนวกกับมี Upside 3.9% พร้อมประกาศจ่ายเงินปันผลจากกำไรปี 60 ที่ 0.30 บาท/หุ้นคิดเป็น Div. Yield 4.7% (XD 7 พ.ค. และจ่ายปันผล 24 พ.ค. นี้)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ