LHFund เปิดตัวกองทุนหุ้นตลาดเกิดใหม่ดีเดย์ขาย IPO วันนี้-27 ก.พ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday February 20, 2018 11:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (LHFund) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดตัวกองทุนเปิดแอล เอช อีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ต-E (LH EMERGING MARKETS – E FUND หรือ LHEM-E) มีมูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท เปิดขาย IPO ตั้งแต่วันนี้ – 27 ก.พ.นี้ กำหนดเงินลงทุนครั้งแรกและครั้งถัดไปขั้นต่ำ 5,000 บาท และมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่เกินปีละ 12 ครั้ง

กองทุนดังกล่าวเป็นกองทุน Feeder Fund ที่จะเข้าลงทุนใน American Century SICAV-Emerging Markets Equity ชนิดหน่วยลงทุน I Share Class เป็นกองทุนหลัก เฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนมีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการลงทุน

ขณะที่กองทุน American Century SICAV-Emerging Markets Equity ซึ่งเป็นกองทุนหลักที่จะเข้าลงทุนนั้น บริหารเงินลงทุนโดยผู้จัดการกองทุนจาก American Century Investment Management ที่มีประสบการณ์เฉลี่ย 19 ปี โดยมีจุดเด่นด้านกลยุทธ์การลงทุนแบบ Bottom-up เพื่อคัดเลือกหุ้นจำนวน 80-100 บริษัท และเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีทิศทางการเติบโตของกำไรเป็นแนวโน้มขาขึ้นและมีกำไรเติบโตสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าดัชนีชี้วัด

"กองทุนเปิดแอล เอช อีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ต-E เป็นกองทุนที่ 2 ที่เราเปิดตัวในปีนี้ต่อจากกองทุนแอล เอช โรโบติกส์-E ที่ได้รับการตอบรับที่ดี โดยทิศทางของ แอล เอช ฟันด์ในปีนี้ จะเพิ่มความถี่การเปิดตัวกองทุนมากขึ้นและเน้นขยายพอร์ตกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ ทั้งกองทุนมีนโยบายลงทุนในแต่ละภูมิภาคหรือเลือกลงทุนในธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี เพื่อเป็นทางเลือกแก่นักลงทุนภายใต้กลยุทธ์ Assets Allocation ที่จะให้คำแนะนำการลงทุนแก่ผู้ถือหน่วยกองทุน แอล เอช ฟันด์ ทุกๆ ไตรมาสเพื่อกำหนดสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์แต่ละประเภทและลดผลกระทบจากปัจจัยลบต่างๆ" นายมนรัฐ กล่าว

ทั้งนี้ LHFund มีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจและการลงทุนในตลาดหุ้นกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่หรือ ‘อีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ต’ (Emerging Markets) โดยมองว่าเศรษฐกิจของประเทศกลุ่มนี้ อาทิ ประเทศจีน เกาหลีใต้ ไต้หวัน บราซิล แอฟริกาใต้ รัสเซีย อินเดีย มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยเฉพาะจีน อินเดียและเกาหลีใต้ จะเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจในกลุ่มนี้

สอดคล้องกับมุมมองของ Bank of New York Mellon (BNY Mellon) World Economic Outlook (WEO) และวาณิชธนกิจชั้นนำอย่าง Goldman Sachs ที่มองว่าภาพรวมเศรษฐกิจโลกในปี 61 กำลังเข้าช่วงปลายของการขยายตัว อย่างไรก็ตามในภาวะดังกล่าวนั้นการลงทุนในตลาดหุ้นยังมีโอกาสสร้างผลตอบแทนในระดับที่น่าสนใจ ขณะเดียวกันได้ประเมินแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ของประเทศในกลุ่มอีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ตในปี 61 จะอยู่ที่ประมาณ 4.9%

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นในอีเมอร์จิ้งมาร์เก็ต มีจุดเด่นที่น่าสนใจคือ 1.มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดีกว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่ยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในระยะยาว 2.บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นอีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ต มีกำไรเติบโตในอัตราที่สูงกว่าประเทศพัฒนาแล้ว 3.มูลค่าตามปัจจัยพื้นฐานของหุ้นบริษัทจดทะเบียนในอีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ต ถูกกว่าตลาดหุ้นในประเทศพัฒนาแล้ว วัดได้จากค่า PE Ratio ในปี 60 ที่ซื้อขายกันประมาณ 13.14 เท่า ต่ำกว่าตลาดหุ้นในประเทศพัฒนาแล้วซึ่งอยู่ที่ประมาณ 16.67 เท่า และ 4.กระแสเงินทุนที่ไหลกลับเข้าสู่ อีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ตตั้งแต่กลางปี 59 เนื่องจากกำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นเติบโตได้ดี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ