EPG มั่นใจรายได้งวดปี 61/62 ทะลุ 1 หมื่นลบ.ตาม ศก.โลกฟื้น-กลุ่มธุรกิจโต รักษาอัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 2 digit

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday February 26, 2018 18:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป (EPG) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจรายได้ปี 61/62 (เม.ย.61-มี.ค.62) จะทะลุ 10,000 ล้านบาท หลังคาดแนวโน้มรายได้ปี 60/61 (เม.ย.60-มี.ค.61) จะเติบโตแตะ 1 หมื่นล้านบาท พร้อมทั้งวางเป้าจะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นที่ระดับ 28-30% และอัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 2 digit

เนื่องจากแนวโน้มอัตราการบริโภคในประเทศที่ฟื้นตัวต่อเนื่องจากกลางเดือน ธ.ค.60 ตามภาวะเศรษฐกิจโลก ทำให้อำนาจซื้อของตลาดเพิ่มขึ้น อีกทั้งหนี้ครัวเรือนมีอัตราลดลงช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยให้เติบโต ประกอบกับหลายสถาบันมองว่าเศรษฐกิจไทยปี 61 จะเติบโตเฉลี่ย 4-4.5% จากการส่งออกและการท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากแบรนด์ AEROKLAS ไม่ต่ำกว่า 50%,แบรนด์ AEROFLEX ราว 28-29% และที่เหลือเป็นแบรนด์ EEP

อนึ่ง ผลประกอบการงวด 9 เดือนงวดปี 60/61 มีรายได้จากการขาย 7,183.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.5% มีกำไรสุทธิ 761.3 ล้านบาท ลดลง 31.4% จากงวด 9 เดือนของปีก่อนหน้า โดยในไตรมาส 3 ปี 60/61 (ต.ค.-ธ.ค.60) มีรายได้จากการขาย 2,371.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.0% และมีกำไรสุทธิ 183 ล้านบาท ลดลง 44.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

รายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้นในงวดไตรมาส 3 ต่ำกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้ เนื่องจากปัจจัยหลายประการที่เข้ามากระทบพร้อมกัน ประกอบด้วย การแข็งค่าของเงินบาททำให้รายได้จากต่างประเทศลดลง ต้นทุนขายสินค้าเพิ่มขึ้นจากราคาวัตถุดิบสูงขึ้น และการใช้กำลังการผลิตในกลุ่มผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ไม่ได้ Economy of Scale

นายเฉลียว กล่าวว่า ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติกภายใต้แบรนด์ EPP จะเร่งทำการตลาดเพิ่มมากขึ้นในกลุ่มสินค้าบรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภททั่วไปแบรนด์ eici ซึ่งการทำการตลาดในกลุ่มนี้จะมุ่งเน้นการใช้กำลังการผลิตที่มีอยู่ 32,000 ตัน ซึ่งมีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 54% ดังนั้นจึงเหลือเพียงพอต่อการรองรับการเติบโตในอนาคตได้อีกมาก

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนปรับขึ้นราคาสินค้ามากกว่า 5% ในส่วนของธุรกิจภายใต้แบรนด์ AEROFLEX ในต่างประเทศ โดยจะมีผลบังคับใช้เริ่มจากสหรัฐก่อนในเดือน ก.พ.61 ส่วนประเทศอื่น ๆ จะทยอยขึ้นราคาในเดือน มี.ค.61 และแบรนด์ AEROKLAS ก็จะทยอยปรับราคาสินค้าในเดือน มี.ค.61 ตามอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการงวดไตรมาส 4 ปี 60/61 (ม.ค.61-มี.ค.61) คาดเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน จากบริษัทได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มมากขึ้น หลังสัญญาณเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวชัดเจน ส่งผลบวกให้ผลประกอบการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

นายเฉลียว กล่าวอีกว่า EPG กำหนดกลยุทธ์ในสร้าง The New S-Curve เพื่อรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยนำเทคโนโลยีมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เน้นการพัฒนานวัตกรรมทั้งกระบวนการผลิต วัสดุ และการออกแบบผลิตภัณฑ์ เพื่อผลิตสินค้านวัตกรรมออกสู่ตลาดให้สอดรับกับแผนธุรกิจ รวมถึงใช้กลยุทธ์ในการตั้งราคาขายและการบริหารจัดการต้นทุน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามแผนงานที่ได้วางไว้ โดยคาดว่าผลประกอบของบริษัทการจะปรับตัวดีขึ้นในไตรมาสต่อๆ ไป

โดยในส่วนของธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ AEROFLEX บริษัทเริ่มทยอยลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตด้วยเครื่องจักร High speed ในสหรัฐอเมริกา เพื่อมุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้าใหม่ เช่น อาคารสำนักงาน โรงงานอุตสาหกรรม และที่พักอาศัย เป็นต้น สำหรับตลาดในประเทศเตรียมลงทุนขยายโรงงาน โดยการเพิ่มกำลังการผลิตฉนวนยางประเภท EPDM และ โพลีเมอร์ คาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 250 ล้านบาท จะเริ่มก่อสร้างตั้งแต่เดือนมี.ค.61

ส่วนด้านผลิตภัณฑ์ฉนวนกันความร้อนใต้หลังคา (Aero-roof) ตั้งเป้าหมายเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านโมเดิร์นเทรด และร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้างเพื่อกระจายสินค้าสู่ผู้บริโภคให้มากที่สุด

ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ภายใต้แบรนด์ AEROKLAS บริษัทได้เข้าทำการเข้าซื้อกิจการ Flexiglass ซึ่งประกอบกิจการร้านจำหน่ายสินค้าตกแต่งรถกระบะ และ SUV ประเภทขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ ในประเทศออสเตรเลีย โดยมี distributors และ dealers มากกว่า 100 แห่ง และมีสาขาของตนเองรวม 5 แห่ง การเข้าลงทุนดังกล่าวจะสามารถเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายให้กับ AEROKLAS ถือเป็นการเปิดโอกาสทางธุรกิจครั้งสำคัญโดยบริษัทมีแผนร่วมกันขยายธุรกิจในประเทศออสเตรเลีย ซึ่งมีฐานลูกค้าและการให้บริการครบวงจร ทำให้มีโอกาสในการขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น ถือเป็นผลดีต่อการสร้างศักยภาพในการเพิ่มรายได้และความสามารถในการทำกำไรในอนาคต

ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติกภายใต้แบรนด์ EPP เร่งทำการตลาดเพิ่มมากขึ้นในกลุ่มสินค้าบรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภททั่วไปแบรนด์ eici ซึ่งการทำการตลาดในกลุ่มนี้จะมุ่งเน้นการใช้กำลังการผลิตที่มีอยู่ 32,000 ตัน ให้สูงขึ้น อีกทั้งเดินสายโปรโมทแนะนำกลุ่มบรรจุภัณฑ์อาหารประเภทกล่องใส่อาหารและถ้วยน้ำดื่ม กับกลุ่มร้านอาหารและเครื่องดื่ม ร้านขายภาชนะใส่อาหารพลาสติก และประชาชนทั่วไป ในตลาดมากกว่า 30 แห่งทั่วกรุงเทพฯ และด้วยกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานความสะอาด ความปลอดภัยทางด้านอาหาร ที่ได้รับการรับรองจากองค์กรชั้นนำหลายแห่งทั่วโลก ทำให้บริษัทมุ่งเน้นการขยายสัดส่วนลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมให้มากขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ