(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้รีบาวด์กรอบจำกัด หลังตลาดตปท.สดใส แต่ยังจับตากรณีอาจยื่นตีความกม.เลือกตั้ง-แรงซื้อต่างชาติ

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 12, 2018 09:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยเช้านี้น่าจะดีดตัวขึ้นได้ ตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศที่ดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับตัวขึ้นแรงเมื่อวันศุกร์ จากข้อมูลตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาด ซึ่งจะเป็น Sentiment บวกต่อตลาดหุ้น อย่างไรก็ตามการรีบาวด์ของดัชนีหุ้นไทยน่าจะยังอยู่ในกรอบจำกัด แม้นักลงทุนต่างชาติจะกลับเข้ามาซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยค่อนข้างมากเมื่อวันศุกร์ แต่ภาพการลงทุนยังไม่มีทิศทางที่ชัดเจน เพราะนักลงทุนต่างชาติยังคงเปิดสถานะ short ในตลาดฟิวเจอร์สอยู่มาก

นอกจากนี้ตลาดยังจับตากรณีที่อาจมีผู้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่เพิ่งผ่านความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ขณะที่ภาพใหญ่ของเศรษฐกิจไทยยังเป็นภาพ Positive

พร้อมให้แนวรับที่บริเวณ 1,770 จุด และแนวต้านที่บริเวณ 1,790 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (9 มี.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,335.74 จุด เพิ่มขึ้น 440.53 จุด(+1.77%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,786.57 จุด เพิ่มขึ้น 47.60 (+1.74%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,560.81 จุด เพิ่มขึ้น 132.86 จุด (+1.79%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 356.90 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 12.04 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 540.09 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 44.17 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 26.19 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 33.68 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเพิ่มขึ้น 7.74 จุด,ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย เพิ่มขึ้น 26.00 จุด,ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 69.74 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (9 มี.ค.61) 1,775.37 จุด ลดลง 3.53 จุด (-0.20%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,787.42 ล้านบาท เมื่อวันที่ 9 มี.ค.61
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (9 มี.ค.61) ปิดที่ระดับ 62.04
ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.92 ดอลลาร์ หรือ 3.2%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (9 มี.ค.61) ที่ 7.57 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 31.31 มองกรอบวันนี้ 31.25-31.40 ตลาดรอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อ-ยอดค้าปลีกสหรัฐฯสัปดาห์นี้
  • ผู้ประกอบการเหล็ก เผยมาตรการกำแพงภาษีนำเข้าเหล็กของสหรัฐ ส่งผลราคาวัตถุดิบตลาดโลกเพิ่มขึ้น เผยราคาเหล็กพุ่ง 20-25% ขณะเศษเหล็กพุ่ง 10-15% กระทบอุตสาหกรรมเหล็กไทยโดยตรง ผู้ประกอบการปรับตัวชะลอซื้อสินค้ารอดูสถานการณ์
  • ธปท. ระบุว่าการที่คนไทยเริ่มหันไปชำระเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์กันมากขึ้น ส่งผลให้ความถี่ในการเพิ่มธนบัตรหมุนเวียนเข้าสู่ระบบช้าลงเรื่อย ๆ คาดว่าธนบัตรที่ใช้หมุนเวียนในระบบหลังจากนี้อาจจะมีอายุยาวขึ้นกว่าเดิมได้ โดยปัจจุบันอายุการหมุนเวียนธนบัตรเฉลี่ยอยู่ที่ 3 ปี อย่างไรก็ตามอายุการใช้งานจะเพิ่มขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป
  • สคร.จ่อชงบอร์ดพีพีพีไฟเขียวดึงเอกชนร่วมแจมโครงการรถไฟฟ้าในหัวเมืองใหญ่ "เชียงใหม่-ขอนแก่น" พร้อมผุด "ระยองโมเดล" สนองนโยบายรัฐ คลอดแผนแม่บทก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนเมืองระยอง
  • คลังลุยยกเครื่องกฎหมายส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เล็งรีดเงินจากสถาบันการเงินเพิ่ม ส่งเข้ากองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อช่วยเหลือกรณีมีปัญหา
  • กระทรวงดีอีได้เร่งรัดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล เพื่อสนับสนุนการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(อีอีซี)โดยมอบหมายให้รัฐวิสาหกิจในสังกัดทั้ง บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน)และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด(มหาชน) ไปเร่งรัดดำเนินการ เพื่อรองรับความต้องการใช้งานใน ปี 2562 เป็นต้นไป เพราะเมื่อพื้นที่อีอีซีมีการพัฒนาอย่างเสร็จสมบูรณ์ เชื่อว่าความต้องการใช้อินเตอร์เน็ตจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดอย่างแน่นอน
  • ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านจะค่อยๆ ขยับขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี จะสูงกว่า 3% แต่ในรายละเอียดของการให้โปรโมชั่นในระยะ 1-3 ปี จะแตกต่างกันไป ตามแต่ละธนาคาร และแต่ละโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นพันธมิตร ซึ่งบางรายอาจคงดอกเบี้ยต่ำปีแรกและปีถัดไปลอยตัว บางรายนำเสนอดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก
  • สนพ.คาดว่า ปริมาณการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีก)ในปีนี้ จะอยู่ที่ระดับ 3.1 หมื่นเมกะวัตต์ หรือขยายตัวมากกว่าปีที่แล้วประมาณ 1% ซึ่งตัวเลขดังกล่าวคำนวณจากการใช้ไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่เป็นหลัก ขณะที่การใช้มาตรการลดใช้พลังงานด้วยความสมัครใจ (ดีมานด์ เรสปอนส์) ยังไม่มีความจำเป็นต้องใช้ในช่วงเวลาดังกล่าว ด้านพพ.อยู่ระหว่างหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินโครงการโซลาร์รูฟท็อปเสรีซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะมีการรับซื้อไฟเข้าระบบในอัตราที่ต่ำกว่าที่กฟผ.จำหน่าย ปริมาณที่มากกว่า 300 เมกะวัตต์โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปเพื่อเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)ในช่วงเม.ย.นี้

*หุ้นเด่นวันนี้

  • BGRIM (เคทีบีฯ) แนะ"ซื้อ"ให้ราคาเป้าหมาย 36.50 บาท มีมุมมองเชิงบวกโดยเฉพาะโครงการ solar farm ในเวียดนาม ขนาดกำลังการผลิต 400MW ที่บริษัทถือหุ้น 55%เห็นพัฒนาการที่ดี ปัจจุบันได้มีการเซ็น Termsheet กับ local partners เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งคาดว่าจะสามารถประกาศดีลอย่างเป็นทางการได้ในช่วงเดือนเม.ย.61 ในขณะที่โครงการในอนาคตอื่นๆคาดยังคงเป็นไปตามแผนที่บริษัทวางไว้ โดยยังคงประเมินกำไรเติบโตโดดเด่นเฉลี่ย 24% ต่อปี (CAGR 2560-2565) ผลประกอบการ 1Q61 มีแนวโน้มเติบโตทั้ง QoQ, และ YoY หลัง COD โรงไฟฟ้า ABPR3 ใน 1 ก.พ.61 ที่ผ่านมาขนาดกำลังผลิตตามสัดส่วน 74MW ในขณะที่ในปี 61 มีโครงการโรงไฟฟ้าที่จะ COD เพิ่มเติมในปีนี้มีทั้งสิ้น 5 โครงการกำลังการผลิตตามสัดส่วนรวม 264MW
  • BJC (เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 68 บาท โดยคาดธุรกิจบรรจุภัณฑ์ถูกผลักดันจากการขยายกำลังการผลิต ธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคเติบโตจากการออกสินค้าใหม่ ธุรกิจสินค้าเวชภัณฑ์และเทคนิคได้ผลบวกจากลูกค้าเพิ่มขึ้นและเงินบาทแข็งค่า ส่วนธุรกิจค้าปลีกเติบโตจากการเปิดสาขาและขยายฐานลูกค้า รวมทั้งมีโอกาสขยายไปต่างประเทศ สำหรับธุรกิจบรรจุภัณฑ์เติบโตจากการขยายกำลังการผลิตขวดแก้วตามแผนใน 4Q60 และ 3Q61 ทำให้กำลังการผลิตในไทยเพิ่มขึ้น 26% เป็น 3,435 ตัน/ปี รวมทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตซึ่งช่วยชดเชยกับต้นทุนเศษแก้วที่เพิ่มขึ้นได้ ธุรกิจกระป๋องมีการทำสัญญาซื้อแผ่นอลูมิเนียมที่ใช้ผลิตกระป๋องไว้ล่วงหน้าและเงินบาทแข็งค่าขึ้น จึงไม่ถูกกระทบจากราคาแผ่นอลูมิเนียมที่ปรับตัวขึ้น กรณีที่ CBG จะเริ่มผลิตกระป๋องเองในต้นปี 62 นั้น คาดผลกระทบจำกัด เนื่องจากมีสัดส่วนไม่เกิน 1% ของยอดขาย BJC และ BJC คาดจะหาลูกค้ามาทดแทนได้ ส่วนการที่กลุ่มไทยเบฟฯ เข้าซื้อ Sabeco Beer เวียดนามทำให้ธุรกิจกระป๋องของ BJC ที่เวียดนามมีโอกาสขายเพิ่มขึ้น
  • BEM (ฟินันเซีย ไซรัส) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 10 บาท โดย BEM รายงานยอดผู้ใช้ทางด่วนและรถไฟฟ้าเดือนก.พ. เติบโตดีทั้ง 2 ธุรกิจ โดยปริมาณรถบนทางด่วน +3% Y-Y หนุนจากศรีรัช-รอบนอก ส่วนจำนวนผู้โดยสารในรถไฟฟ้า +7.6% Y-Y อยู่ที่ 3.22 แสนเที่ยว/วัน ซึ่งดูจะขัดแย้งกับราคาหุ้นที่ลง 7% YTD ทั้งนี้ ยังคงประมาณการกำไรปีนี้ +18% Y-Y อยู่ที่ 3.7 พันล้านบาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ