นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับฐาน หลังจากที่ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลดลงมากเมื่อคืนนี้ จากข่าวที่ว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ มีแผนที่จะออกมาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเป็นวงเงินสูงถึง 6 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยพุ่งเป้าไปที่สินค้าด้านเทคโนโลยีและการสื่อสาร และคาดการณ์ว่าจะมีการเปิดเผยแผนดังกล่าวในสัปดาห์หน้า ซึ่งกรณีนี้ทำให้ตลาดกลับมาวิตกเรื่องสงครามการค้ารอบใหม่
สำหรับในส่วนของประเทศไทย อาจจะได้รับผลกระทบต่อความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในไทยที่จะชะลอตัวลง เนื่องจากปัจจุบันไทยมีการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์บางส่วนไปประกอบที่จีน และจีนเป็นผู้ส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ ซึ่งอาจจะกระทบต่อการลงทุนในหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ได้
นอกจากนี้เมื่อคืนนี้ยังมีข่าวการปลดรมว.ต่างประเทศของสหรัฐฯด้วย ทำให้ตลาดอาจไม่มั่นใจต่อนโยบายด้านต่างประเทศของสหรัฐฯว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ด้วย ส่วนกรณีตัวเลขเงินเฟ้อเดือนก.พ.ของสหรัฐฯ ที่ออกมาเมื่อคืนนี้ นับว่าอยู่ในระดับไม่สูงเกินไปและสอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ อีกทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) ของสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลงเมื่อวานนี้ ก็ช่วยลดความกังวลต่อแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี่ย 4 ครั้งของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปีนี้
ส่วนทิศทางราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงเมื่อวานนี้ ยังนับว่าอยู่ในระดับไม่มากนัก และตลาดก็รับรู้เรื่องการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 11.17 ล้านบาร์เรล/วันภายในไตรมาส 4 ของปีนี้ ซึ่งจะทำให้สหรัฐฯแซงหน้ารัสเซียกลายเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันมากที่สุดในโลก อย่างไรก็ตามเงินเฟ้อของสหรัฐฯที่อยู่ในระดับไม่สูงมากนัก ทำให้ลดแนวโน้มต่อการขึ้นดอกเบี้ย กดดันให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า ซึ่งน่าจะยังเป็นผลดีต่อทิศทางราคาน้ำมันอยู่
อย่างไรก็ตามคาดว่าการปรับฐานของดัชนีหุ้นไทยในวันนี้จะยังไม่น่าหลุดระดับ 1,800 จุด หลังตลาดหุ้นเพิ่งฟื้นตัวขึ้นจากที่ปรับลดลงไปมากก่อนหน้านี้ ขณะที่แรงกดดันจากหุ้นในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์น่าจะไม่มีผลต่อดัชนีมากนัก
พร้อมให้แนวรับบริเวณ 1,800 และ 1,794 จุด ส่วนแนวต้าน อยู่ที่ 1,815 และ 1,820 จุด